เรซูเม่ก็เขียนส่งแล้ว วุฒิก็มี ประสบการณ์ก็พอได้ ทำไม HR ไม่โทรเรียกไปสัมภาษณ์สักที !!! ??
ใครที่กำลังรองานอยู่อย่าเพิ่งท้อนะครับ เพราะบทความนี้จะพาคุณไปไขคำตอบที่จะเพิ่มโอกาสให้คุณได้งาน ไม่ต้องมานั่งรอเป็นเดือนๆ อีกแล้ว
การเขียนเรซูเม่สมัครงาน ไม่ใช่แค่เขียนเพียงเพื่อบอกประวัติ วุฒิการศึกษาและประสบการณ์ แต่ต้องเขียนให้เห็นว่า ประวัติของคุณมีความพิเศษและน่าสนใจมากขนาดไหน เพราะนายจ้างย่อมต้องการคนที่มีความสามารถจริงๆ เข้ามาทำงานอยู่แล้ว
แล้วต้องเขียนอย่างไร ? ไปพบกับส่วนประกอบและวิธีการเขียนเรซูเม่ให้ดึงดูดใจ HR กันเลย
1.ข้อมูลส่วนตัว
เช่น ชื่อ, ที่อยู่, เบอร์โทร, E-mail, Facebook, Line หรือช่องทางอื่นๆ ที่สามารถติดต่อได้เท่านั้น และต้องตรวจสอบให้ดี ห้ามเขียนผิดเด็ดขาด เพื่อให้ HR ติดต่อคุณได้ทันทีเมื่อต้องการเรียกคุณมาสัมภาษณ์ นอกจากนี้ หากที่พักของคุณอยู่ใกล้ที่ทำงานหรือสามารถโยกย้ายได้ ก็สามารถเรียกความสนใจได้เช่นกัน รวมถึงสถานะทางครอบครัวและทางทหารก็เป็นสิ่งสำคัญที่ HR นำมาพิจารณาด้วย
2.ประวัติส่วนตัว
เป็นการสรุปจุดเด่นที่สามารถสร้างจุดขายให้ตัวคุณประมาณ 3 ประโยค โดยเขียนถึงความสามารถ ทัศนคติและเป้าหมายในการทำงาน รวมถึงทักษะเด็ดๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อตำแหน่งงานที่สมัคร ซึ่งต้องเขียนให้เข้าใจง่าย เมื่อ HR อ่านแล้วอยากเรียกคุณมาสัมภาษณ์ทันทีเลยก็ว่าได้
ตัวอย่าง
ปรับตัวเข้ากับทุกคนได้ตลอดเวลาและทำงานล่วงเวลาได้ พร้อมปรับปรุงแก้ไขงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น มีประสบการณ์ด้านการขาย 2ปีพร้อมทักษะด้านการพูดและเขียนภาษาอังกฤษ-จีนได้อย่างดีเยี่ยม
3.ประวัติการทำงาน
คุณต้องให้ข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทที่เคยร่วมงานมาก่อนอย่างละเอียด ได้แก่ ตำแหน่งงาน, ลักษณะการทำงาน ความสำเร็จของงานที่ผ่านมา , ระยะเวลาการทำงาน, เหตุผลการลาออก, ชื่อบริษัท, ที่อยู่บริษัท, เงินเดือน โดยเฉพาะลักษณะการทำงานที่ต้องให้ข้อมูลอย่างละเอียดว่าคุณเคยทำอะไรบ้าง เกิดประโยชน์ต่อองค์กรอย่างไร เพราะส่วนนี้จะแสดงให้ HR เห็นทักษะและความสามารถของคุณ และถ้าประสบการณ์ตรงกับตำแหน่งที่สมัคร เรซูเม่ก็จะยิ่งน่าสนใจ เช่น ตำแหน่งพนักงานขาย “ขายเครื่องสำอางให้เป็นไปตามยอดขายที่กำหนดและสามารถเพิ่มยอดขายให้กับองค์กรได้ทุกเดือน” รวมถึงงานอื่นที่นอกเหนือไปจากงานหลักที่คุณต้องทำด้วย ซึ่งปัญหาการเขียนเรซูเม่ส่วนใหญ่ มักจะไม่ให้รายละเอียดให้ส่วนนี้ เช่น เขียนเพียงแค่ว่า “ขายเครื่องสำอาง” ทำให้ไม่เห็นทักษะใดๆ ที่สามารถสร้างประโยชน์ให้กับองค์กรได้
ส่วนนักศึกษาจบใหม่ก็ต้องใส่ข้อมูลการฝึกงานอย่างละเอียดเช่นกัน รวมถึงประสบการณ์การทำงานอื่นๆ ที่คุณเคยทำตอนสมัยเรียนด้วย
4.ประวัติการศึกษา
เขียนเรียงลำดับจากวุฒิการศึกษาสูงสุดไปต่ำสุด โดยทั่วไปจะเขียนสิ้นสุดที่มัธยมศึกษา ข้อมูลที่ต้องเขียนคือ ช่วงเวลาที่เรียน วุฒิที่ได้รับ สถาบันการศึกษา เกรดเฉลี่ย หรือข้อมูลอื่นๆ เกี่ยวกับประวัติการศึกษาที่มีความน่าสนใจก็ควรใส่ลงไปด้วย เช่น เกียรตินิยมอันดับ 1 ซึ่งข้อมูลส่วนนี้เป็นสิ่งสำคัญที่เมื่อ HR เห็นแล้วอาจใช้ตัดสินว่าจะพิจารณาในตัวคุณต่อหรือไม่ เพราะตำแหน่งงานที่คุณสมัคร มักกำหนดไว้อย่างชัดเจนอยู่แล้ว ว่าต้องการผู้ร่วมงานที่มีวุฒิการศึกษาระดับใด เกรดเฉลี่ยเท่าไร หรือสถาบันที่จบการศึกษาด้วย และแม้ว่าประวัติในส่วนนี้จะไม่มีสิ่งที่น่าสนใจ แต่อย่างน้อยก็ต้องระบุข้อมูลพื้นฐานให้ครบถ้วน
5.กิจกรรมและทักษะ
เป็นการให้ข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมหรือการฝึกอบรมที่คุณเคยเข้าร่วม รายละเอียดที่ควรเขียนคือ ระยะเวลาในการร่วมกิจกรรม, สถาบัน, คอร์สหรือหัวข้อกิจกรรม เพื่อแสดงให้เห็นว่าคุณได้ทักษะอะไรเพิ่มเติมบ้าง
ตัวอย่าง
ส่วนข้อมูลทางด้านทักษะ เป็นการให้ข้อมูลที่จะแสดงให้เห็นว่าคุณจะสามารถสร้างประโยชน์อะไรให้กับองค์กรได้บ้างและมากน้อยแค่ไหน
ตัวอย่าง
ทักษะดังตัวอย่างนี้ เป็นเพียงทักษะธรรมดาที่ทุกคนควรมี โดยเฉพาะทักษะทางคอมพิวเตอร์ที่ผู้ประกอบการยังขาดแคลนเป็นจำนวนมาก แต่ก็ยังมีทักษะอื่นๆ ที่เป็นที่ต้องการของผู้ประกอบการจำนวนมากเช่นกัน อาทิ การสื่อสาร , การเป็นผู้นำ ,การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ,การทำงานเป็นทีม รวมถึงทักษะเชิงเทคนิคเฉพาะของตำแหน่งงาน
ดังนั้น เพื่อให้ตัวคุณเป็นที่ต้องการขององค์กรมากยิ่งขึ้น ควรหาโอกาสในการเข้าชมรมต่างๆ เช่น ชมรมโต้วาที ชมรมฝึกการพูด ที่สามารถบ่งบอกว่าคุณมีทักษะเหล่านี้มากยิ่งขึ้น
ส่วนทักษะเชิงเทคนิคเฉพาะ ในกรณีที่เพิ่งจบใหม่ นอกจากทักษะที่ได้จากการฝึกงานแล้ว ควรมีกิจกรรมหรืองานอดิเรก เช่น การอ่านหนังสือเสริมทักษะ เพื่อแสดงให้เห็นว่าคุณมีความพยายามที่จะพัฒนาตนเองให้พร้อมทำงานกับองค์กรมากที่สุดด้วย โดยเฉพาะทักษะทางด้านภาษาในตอนนี้เป็นที่ต้องการมาก ยิ่งถ้ามีภาษาที่ 3 ด้วย เรซูเม่ของคุณก็จะยิ่งน่าสนใจ
นอกจากนี้ สำหรับผู้มีวุฒิการศึกษาที่ไม่สูงก็ไม่ต้องกังวลอีกต่อไป เพราะถ้าคุณมีกิจกรรมและทักษะที่เป็นประโยชน์ต่อองค์กร แสดงความพร้อมที่จะเติบโตในสายงานที่สมัคร เรซูเม่ของคุณก็โดดเด่นได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม รูปที่ใช้ในการส่งเรซูเม่ก็ต้องเป็นรูปที่เหมาะสมด้วย ซึ่งจะมีลักษณะเป็นรูปติดบัตร ใส่เสื้อสูทหรือเสื้อเชิ้ตคอปก นักศึกษาจบใหม่ก็จะใส่ชุดครุย และที่สำคัญต้องใช้ภาษาเขียนทั้งหมดและตรวจสอบคำผิดก่อนทำการส่งด้วย
การหางานจะไม่ใช่เรื่องยากเลย ถ้าบอกให้ HR รู้ได้ชัดเจนว่าจะสามารถสร้างประโยชน์ให้กับองค์กรได้ ซึ่งเรซูเม่ก็เป็นสิ่งแรกที่จะทำให้ HR รู้จักคุณ เพราะฉะนั้น ถ้าส่งเรซูเม่สมัครงานไปแล้ว แต่ไม่ได้รับการติดต่อกลับสักที ลองสำรวจดูอีกครั้งนะครับ ว่าเรซูเม่ที่ส่งไปสามารถสื่อสารให้ HR รู้ถึงความสามารถของคุณมากพอหรือเปล่า ? แต่สิ่งที่คุณเขียนในเรซูเม่ก็ไม่ควรเขียนเกินความเป็นจริงเพียงเพื่อต้องการให้ HR สนใจ แต่ให้เขียนในสิ่งที่ต้องการและตั้งใจจะสร้างให้กับองค์กรนั้นอย่างแท้จริง
หางานตามสาขาอาชีพ
JOBBKK.COM © สงวนลิขสิทธิ์ All Right Reserved
jobbkk มีเพียงเว็บเดียวเท่านั้น ไม่มีเว็บเครือข่าย โปรดอย่าหลงเชื่อผู้แอบอ้าง และหากผู้ใดแอบอ้าง ไม่ว่าทาง Email, โทรศัพท์, SMS หรือทางใดก็ตาม จะถูกดำเนินคดีตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด