ผู้สมัครงาน
เลือกช่องทางติดต่อ
8 วิธีง่ายๆ ที่จะช่วยคลายเครียดในเวลาทำงาน
คนหนุ่มสาว ชาวออฟฟิศในยุคปัจจุบันนี้ ต่างต้องพบเจอกับปัญหามากมายร้อยแปด ไม่ว่าจะเป็นสภาวะความกดดันในงานที่ต้องรับผิดชอบ การแข่งขัน รวมถึงความเร่งรีบในการดำรงชีวิต ปัจจัยต่างๆ เหล่านี้จึงนำมาสู่การส่งผลให้เกิด “ความเครียด” ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่มีใครชอบหรือใคร่อยากเป็น เพราะความเครียดนี้จะมาพร้อมกับ ความกังวล นอนไม่หลับ พักผ่อนน้อย อารมณ์แปรปรวน สมองตื้อ คิดงานไม่ออก ความจำสั้นและเบื่ออาหาร จึงส่งผลร้ายต่อสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจมากในที่สุด แถมยังทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานลดลงอีกด้วย ซึ่งบางทีอาจเกิดจากการที่เราต้องนั่งอยู่หน้าจอคอมเป็นเวลานาน ไม่สามารถลุกเดินไปไหนได้ ยิ่งทำให้เกิดความรู้สึกเครียดมากยิ่งขึ้น เราจึงควรหารวิธีพักผ่อนคลายสมองและร่างกายบ้าง วันนี้ JOBBKK.COM มีเทคนิคการผ่อนคลายความเครียดมาแนะนำหลายเทคนิค เพื่อให้คุณผ่อนคลายได้ ภายใน 5 นาทีโดยไม่ต้องลุกจากโต๊ะทำงานบ่อยๆ ให้โดนหัวหน้าหรือเจ้านายเพ่งเล็ง มาฝากกันค่ะ
1. กินผลไม้ เติมความสดชื่น
การรับประทานผลไม้ที่รสเปรี้ยวๆ หวานๆ จะช่วยให้คุณรู้สึกสดชื่นขึ้นและช่วยคลายเครียดได้ ดังนั้นคุณควรที่จะมีผลไม้ติดโต๊ะไว้และรับประทานทุกครั้งเมื่อคุณรู้สึกเครียด ซึ่งผลไม้ที่อยากแนะนำเป็นพิเศษก็คือ ส้มและมะม่วงสุก เนื่องจาก ส้ม เป็นผลไม้ที่มีรสหวานอมเปรี้ยว มีวิตามินซีสูง ซึ่งจากการวิจัยพบว่า การรับประทานวิตามินซีจะช่วยทำให้ความเครียดลดลงได้เร็ว ส่วนมะม่วงสุกเป็นผลไม้ที่มีรสหวานฉ่ำ เป็นแหล่งที่อุดมไปด้วยสารลินาโลออลที่ช่วยลดระดับความเครียดได้ ทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลายลง
2. เขียน หรือ วาดภาพอะไรก็ได้
เป็นการใช้หลักการหันเหความสนใจ จากสิ่งที่ทำให้คุณเครียด ให้ไปสนใจ ตั้งใจกับการทำอย่างอื่นแทนทำให้การคิดวนซ้ำซาก หรือหมกมุ่นกับสิ่งที่เครียดนั้นหยุดลง เช่น การวาดภาพ เป็นการเปลี่ยนความสนใจของคุณจากงานที่เครียดๆ ไปทำอะไรที่คุณรัก สบายๆและเรื่อยๆ แทน และการเขียน อาทิ การเขียนจดบันทึก การเขียนไดอารี่หรือการขียนจดหมายก็ได้ เพื่อให้คุณได้ระบายความรู้สึกในใจ เรื่องที่คุณรู้สึกเครียดหรืออึดอัด แต่ไม่สามารถปรึกษาหรือบอกใครได้ ลงไปในหน้ากระดาษ ทำให้คุณรู้สึกสบายใจมากขึ้น นอกจากการนี้ยังช่วยให้คุณได้มีโอกาสทบทวนตัวเอง การจัดระเบียบความคิด วิเคราะห์ปัญหา รวมถึงการสำรวจหาทางออกของปัญหาเหล่านั้น และเป็นการเพิ่มโอกาสในการฟังความรู้สึกตนเองที่ได้แสดงออกอย่างอิสระ ช่วยให้คุณสามารถควบคุมตัวเองได้ดีขึ้น โดยที่มีนักจิตวิทยากล่าวไว้ว่า “เมื่อผู้ชายเขียนบันทึกเราจะกลายเป็นคนเอาใจใส่ เข้าใจและให้ความนับถือผู้อานได้ดีขึ้น...เมื่อผู้หญิงเขียนบันทึกเธอจะเชื่อถือ ยอมรับและชื่นชมผู้อื่นได้มากขึ้น”
3. หลับตา จินตนาการ นึกแต่เรื่องดีๆ ในชีวิต
เป็นการรักษาสมดุลแห่งความเครียด ซึ่งคนที่ต้องใช้เวลาทำงานอยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์ตลอดทั้งวัน ย่อมอาจก่อให้เกิดเป็นความเครียดได้ ดังนั้นควรจะพักสายตาบ้าง ด้วยการลองหลับตาและปลดปล่อยจินตนาการของคุณ ไปถึงสิ่งที่ให้คุณมีความสุขและนึกถึงแต่เรื่องที่ดีๆ ที่เคยเกิดขึ้นในชีวิตของคุณโดย เริ่มจากการหลับตา หายใจเข้าลึกๆ ช้าๆ แล้วหยุดไว้ 2 วินาที หายใจออกสัก 5 นาที จากนั้นนึกถึงช่วงเวลาดีๆ ในการทำงาน รับรองว่าจะรู้สึกดีแบบทันตาเห็น ซึ่งจะช่วยให้คุณผ่อนคลายสมองที่ตึงเครียดไปได้เยอะ รู้สึกดีขึ้น ใจเย็นลง มีสมาธิในการทำงานมากขึ้นและเป็นวิธีการง่ายๆ ที่สามารถทำเมื่อไร ที่ไหน ก็ได้
4. ฝึกกำหนดลมหายใจ
การสร้างสมดุลให้กับร่างกายและจิตใจ ซึ่งได้มีงานวิจัยที่ค้นพบว่า เวลาที่คนเราเครียดนั้น จะทำให้ร่างกายมีออกซิเจนน้อยลง ดังนั้นคุณจึงควรฝึกการกำหนดลมหายใจ ซึ่งสามารถทำได้ทุกหนทุกแห่ง ด้วยการสูดลมหายใจเข้าทางจมูกเบาๆ ช้าๆ และลึกๆ สังเกตว่ากระบังลมขยายออก ท้องป่องออก จากนั้นค่อยๆ หายใจออกช้าๆ ไล่ลมให้ออกมากที่สุด ตอนนี้กระบังลมคุณจะหดสั้นลง ท้องจะแฟบ ทำซ้ำหลายๆ ครั้ง(แต่ไม่เกิน 10 ครั้ง/นาที) ถ้าช่วงแรกไม่ถนัดให้เอามือแตะที่ท้องเพื่อให้รู้สึกถึงสภาพท้องป่อง ท้องแฟ่บจากการหายใจ แล้วฝึกไปเรื่อยๆ เป็นประจำ จนเกิดความชำนาญ เพราะจะมีประโยชน์อย่างมากมายต่อร่างกาย ช่วยคลายเครียดได้อย่างรวดเร็ว ช่วยทำให้ความดันโลหิตและอัตราการเต้นของหัวใจลดลง เติมออกซิเจนในเลือด ช่วยปลุกสมองให้ตื่นตัว ผ่อนคลายกล้ามเนื้อและทำให้จิตใจความคิดสงบ หรืออาจใช้อีกวิธีที่เรียกว่า “การทำสมาธิ” ด้วยการหลบไปหาที่เงียบๆ และนั่งลง หลับตา ตั้งสติให้จดจ่อกับการกำหนดลมหายใจ หายใจเข้า “พุทธ” ท้องป่อง หายใจออก “โธ” ท้องแฟ่บ ซึ่งจะช่วยลดความเครียดและภาวะซึมเศร้าได้อย่างมหัศจรรย์ ความรู้สึกวิตกกังวลหายไปและต่อสู้กับปฏิกิริยาในแง่ลบจากความเครียดได้ แต่ในบางคนก็อาจจะใช้วิธีสั้นๆง่ายๆ คือการถอนหายใจแรงๆ ซึ่งจะช่วยปลดปล่อยความเครียดออกมาได้ดีในระดับหนึ่งค่ะ
5. ใส่เสื้อผ้าสีฟ้า
หากคุณกำลังจมอยู่ในความเครียด หงุดหงิด งุ่นง่าน วุ่นวาย ซึมเศร้าหรือหมดกำลังใจ ให้คุณลองหาเสื้อผ้าที่มีโทนสีฟ้ามาใส่ เพราะมีงานวิจัยพบว่า ตามหลักจิตวิทยาสีและความรู้สึกนั้น สีฟ้าจะมีผลช่วยให้จิตใจสงบลง ปลอดโปร่ง สบายใจและสามารถช่วยขจัดความเครียดได้ ดังนั้นการสวมใส่เสื้อผ้าที่มีสีฟ้า ในวันที่รู้สึกเศร้าซึม หมดกำลังใจ หรือท้อแท้นั้น จะช่วยทำให้จิตใจของคุณรู้สึกสดชื่น สดใส รีแล็กซ์และผ่อนคลายลงมากเลยค่ะ
6. นวดเบาๆ ที่หู
เมื่อเรารู้สึกวิตกกังวล เครียด กล้ามเนื้อบางส่วนก็จะหดเกร็ง ซึ่งการนวดคือผ่อนคลายกล้ามเนื้อ จะช่วยให้กล้ามเนื้อส่วนที่หดเกร็งนั้นผ่อนคลายลง ทำให้เลือดลมสูบฉีดดีขึ้น โดยเฉพาะการนวดบริเวณใบหู เพราะนอกจากจะช่วยให้รู้สึกสบายและผ่อนคลายแล้ว ยังสามารถจะช่วยบำรุงไตเพื่อให้ไตแข็งแรงอีกด้วย โดยเริ่มจากการล้างมือด้วยสบู่ให้สะอาด จากนั้นวางมือทั้งสองข้างไว้ที่หูทั้งสองข้าง โดยวางปลายนิ้วโป้งไว้ด้านหลังใบหู และนิ้วที่เหลือวางเพื่อประคองด้านหน้า และนวดคลึงใบหูเป็นรูปวงกลมให้ทั่ว นวดจนมือเริ่มรู้สึกอุ่น ก่อนปล่อยมือให้ใช้มือที่อุ่นวางแนบใบหู ดึงใบหูออกด้านข้างเบาๆ นับ 1-3 แล้วค่อยๆปล่อยมือออก การทำแบบนี้จะช่วยคลายเครียด รู้สึกผ่อนคลายและทำให้รู้สึกเคลิบเคลิ้มได้มากเลยทีเดียว
7. สูดกลิ่นหอมๆ ให้สดชื่น
การได้สูดกลิ่นหอมๆ จะมีฤทธิ์ช่วยปลุกประสาทสัมผัสให้สดชื่นตื่นตัว สมองปลอดโปร่ง รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น กระตุ้นพลังงานในจิตใจและทำให้ร่างกายของเราได้ออกซิเจนมากขึ้นด้วย โดยกลิ่นหอมที่สามารถช่วยคลายเครียดได้มีมากมายหลายชนิดไม่ว่าจะเป็นกลิ่นหอมของดอกไม้นานาพันธุ์ อาทิ กุหลาบ มะลิ ลาเวนเดอร์ เป็นต้น (สามารถนำดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมมาใส่ในแจกันแล้วตั้งบนโต๊ะทำงานได้) กลิ่นบำบัดอโรมาเทอราพี เทียนหอมหรือน้ำมันหอมระเหย อาทิ ลาเวนเดอร์ ชา มะลิ ไม้จันทน์หอม กำยาน สำหรับผ่อนคลาย การบูร ยูคาลิปตัส เปปเปอร์มิ้นต์ ส้ม มะนาว สำหรับสร้างความสดชื่น (สามารถหยดลงบนข้อมือ ผ้าเช็ดหน้า หรือชุบสำลีใส่ขวดเล็ก ๆ แต่ไม่ต้องปิดฝา วางเอาไว้บนโต๊ะทำงานก็ได้) นอกจากนี้แล้วกลิ่นกาแฟยังสามารถช่วยลดระดับของฮอร์โมนความเครียดได้เพียงแค่เพียงการสูดดมกลิ่นกาแฟร้อน ๆ สักครู่ มันจะช่วยกระตุ้นการทำงานของสมอง เพิ่มสมาธิ แต่ไม่ควรจิบหรือดื่มนะ เพราะการดื่มกาแฟนั้นจะยิ่งกดระบบประสาท ทำให้เครียดมากยิ่งกว่าเดิมหรือลองหา Hand Cream กลิ่นที่ชอบ กลิ่นที่โดน มาใช้ ก็จะช่วยเพิ่มความผ่อนคลาย รู้สึกดี ทุกครั้งที่คุณยกมือผ่านไปมาได้ค่ะ
8. มองวิวจากหน้าต่าง
เมื่อคุณรู้สึกว่าทุกอย่างตรงหน้ามันช่างวุ่นวายไปเสียหมด ลองหยุดพักสัก 5 นาที แล้วลองเหม่อมองวิวทิวทัศน์ผ่านออกไปที่นอกหน้าต่าง มองออกไปไกลๆ คุณจะเห็นวิวโดยรอบทั่วๆ ไม่ว่าจะเป็น ท้องฟ้า ก้อนเมฆ ต้นไม้ ดวงอาทิตย์ เครื่องบิน นกน้อย รถยนต์ที่วิ่งไปมาบนท้องถนน ฯลฯ สิ่งที่เรามองเห็นเหล่านี้จะช่วยให้คุณปลอดโปร่ง ผ่อนคลายได้มากกว่าการดูทีวีอีกนะ นอกจากนี้ยังเป็นการช่วยพักสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ได้อีกด้วยนะ
แนวคิดเทคนิคการกำจัดความเครียดที่กล่าวมาข้างต้นนี้ เป็นเพียงแนวคิดที่อาจช่วยให้คุณสามารถกำจัดความเครียดได้ ซึ่งเราทุกคนไม่อาจหนีพ้นหรือยากที่จะปฏิเสธ ซึ่งการแนะนำวิธีการกำจัดความเครียดให้หมดไป ก่อนที่จะส่งผลเสียต่อสภาพร่างกายและจิตใจของคุณได้ ดังนั้นการผ่อนคลายความเครียดจากการทำงานจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะงานจะออกมาดีหรือไม่ดีนั้นก็อยู่ที่สภาวะจิตใจของเราด้วย ถึงแม้เราจะตั้งใจทำงานแต่ถ้าหากว่าในสมองเรายังเต็มไปด้วยความเครียด งานที่ออกมาก็คงไม่ได้ดีเท่าไรนัก ดังนั้นหากเมื่อใดที่คุณรู้สึกเครียด คุณก็ควรหยุดพักสักครู่ ลุกออกไปเดินยืดเส้นยืดสายบ้างหรือให้รางวัลกับตัวเองด้วยการทำอะไรก็ได้ที่คุณชอบหรือที่ทำให้คุณสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขและมีสุขภาพกายและใจที่ดี เราจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทความนี้จะมีประโยชน์กับคุณไม่มากก็น้อย และขอสนับสนุนให้คนทำงานรุ่นใหม่ ทำงานเป็น ทำงานเก่งและสามารถกำจัดความเครียดได้อย่างมีสติ อย่าลืมนำวิธีคลายเครียดเหล่านี้ไปลองใช้กันนะคะ
และสำหรับข่าวสารดี มีสาระ พร้อมกิจกรรม เพื่อนๆสามารถติดตามพวกเราได้ที่
Youtube: https://www.youtube.com/user/jobbkkdotcom
JOBBKK Facebook Fanpage: https://www.facebook.com/jobbkk
Website: https://www.jobbkk.com
7 Steps to improve your work life balance in 2024 สร้างสมดุลชีวิตกับการทำงาน สำหรับคนทำงานยุคใหม่
สรุปข้อดี-ข้อเสีย งานประจำ VS ธุรกิจส่วนตัว อะไรดีกว่ากัน?
เลิกจ้างกะทันหัน ลูกจ้างไม่ได้ทำผิด นายจ้างต้องจ่ายอะไรบ้าง ภายในกี่วัน
ไม่มีสัญญาจ้าง กฎหมายคุ้มครองไหม ถ้าโดนเลิกจ้างกะทันหันจะฟ้องได้รึเปล่า
หางานตามสาขาอาชีพ
JOBBKK.COM © สงวนลิขสิทธิ์ All Right Reserved
jobbkk มีเพียงเว็บเดียวเท่านั้น ไม่มีเว็บเครือข่าย โปรดอย่าหลงเชื่อผู้แอบอ้าง และหากผู้ใดแอบอ้าง ไม่ว่าทาง Email, โทรศัพท์, SMS หรือทางใดก็ตาม จะถูกดำเนินคดีตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด 
