ตำรวจญี่ปุ่นจับกุมเศรษฐินี ในฐานะผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรมสามีตนเอง หลังจากพบสารพิษในศพ และอาจเชื่อมโยงถึงการเสียชีวิตของสามีและแฟนคนอื่นๆ ของเธออีก 6 คนด้วย...
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจแห่งประเทศญี่ปุ่นจับกุมตัว นางคาเคอิ จิซาโกะ เศรษฐินี วัย 67 ปี ในฐานะผู้ต้องสงสัยวางยาพิษฆาตกรรมสามีรายล่าสุดของเธอ และอาจมีส่วนเชื่อมโยงกับการเสียชีวิตของสามีและแฟนคนก่อนๆ อีก 6 คนของเธอ
ตามรายงานของสำนักข่าว จีจี้ (Jiji Press) ระบุว่า ตำรวจเชื่อว่า นางคาเคอิ ซึ่งตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดี 'ม่ายดำ' (ฆ่าสามีตนเอง) ร่ำรวยจากการได้รับเงินประกันชีวิตรวมถึงสินทรัพย์อื่นๆ มูลค่ากว่า 800 ล้านเยน (ราว 222.9 ล้านบาท) จากการเสียชีวิตของสามีและแฟนรวม 7 คน ของเธอ ตลอด 2 ทศวรรษที่ผ่านมา
คาเคอิ จิซาโกะ อายุ 67 ปี
นางคาเคอิถูกจับกุมหลังจากการเสียชีวิตของ นายคาเคอิ อิซาโอะ อายุ 75 ปี สามีคนที่ 4 ซึ่งเป็นคู่ครองคนที่ 7 ของเธอ โดยนายคาเคอิเสียชีวิตที่บ้านของทั้งคู่ในเมืองมุโกะ จังหวัดเกียวโต ในเดือนธ.ค. ปี 2013 หลังจากล้มป่วยอย่างกะทันหัน แต่ผลการชันสูตรศพกลับพบสารพิษ 'ไซยาไนด์' อยู่ในเลือดของเขา ทำให้ตำรวจสงสัยว่านี่เป็นการฆาตกรรม
สำนักข่าว จีจี้ ระบุด้วยว่าการเสียชีวิตของนายคาเคอิเกิดขึ้นเพียงไม่กี่เดือนหลังจาก แฟนวัย 75 ปี ของนางคาเคอิเสียชีวิตที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งเมื่อเดือน ก.ย. หลังจากล้มป่วยกะทันหันเช่นกัน นอกจากนี้ เมื่อปี 2012 คู่หมั้นของนางคาเคอิในขณะนั้น เสียชีวิตจากอุบัติเหตุจักรยานยนต์คว่ำ ในปี 2009 แฟนอีกคนของนางคาเคอิเสียชีวิตจากโรคมะเร็ง
ในปี 2008 สามีคนที่ 3 ของนางคาเคอิเสียชีวิตในวัย 75 ปี โดยไม่มีการเปิดเผยสาเหตุ ก่อนหน้านั้นในปี 2006 สามีคนที่ 2 ของนางคาเคอิ ซึ่งรู้จักกันโดยบริษัทจัดหาคู่ เสียชีวิตจากอาการเส้นเลือดในสมองอุดตัน ขณะที่อายุ 69 ปี ส่วนสามีคนแรกของนางคาเคอิเสียชีวิตในปี 1994 ขณะมีอายุ 54 ปี แต่ผลการชันสูตรพบร่องรอยสารไซยาไนด์ในตัวเขาด้วย ทำให้เชื่อว่านางคาเคอิรู้เรื่องการจัดฉากการตายของสามีหรือคู่ครองมาตั้งแต่แรก
อย่างไรก็ตาม นางคาเคอิปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของสามีและแฟนคนก่อนๆ หลังจากถูกจับกุมที่จังหวัดเกียวโต แต่ตำรวจยังยืนยันว่า นางคาเคอิฆาตกรรมสามีเพื่อเงิน
หางานตามสาขาอาชีพ
JOBBKK.COM © สงวนลิขสิทธิ์ All Right Reserved
jobbkk มีเพียงเว็บเดียวเท่านั้น ไม่มีเว็บเครือข่าย โปรดอย่าหลงเชื่อผู้แอบอ้าง และหากผู้ใดแอบอ้าง ไม่ว่าทาง Email, โทรศัพท์, SMS หรือทางใดก็ตาม จะถูกดำเนินคดีตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด 
