ปิดเกมแรงงานถูกซื้อตัว
เปิดผลสำรวจ นายจ้างผู้ประกอบการค้า และอุตสาหกรรม 81.5% ประกาศปีนี้ ยอมกัดฟันจ่ายโบนัส เฉลี่ย 1–2 เดือน ชี้แม้ยอดขายตกต่ำ แต่ต้องการรักษาลูกจ้าง ไม่ให้ย้ายงาน หนีไปอยู่กับบริษัทขนาดใหญ่ ขอรัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอีกรอบเพื่อฟื้นกำลังซื้อให้ประชาชน
นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรม เปิดเผยผลสำรวจการจ่ายโบนัสของลูกจ้างในปีนี้ และการปรับค่าจ้างในปี 2558 ว่า ผู้ประกอบการ 81.5% ยืนยันที่จะประกาศจ่ายเงินโบนัสประจำปีแก่พนักงานในช่วงสิ้นปีนี้ โดยส่วนใหญ่จะจ่ายให้พนักงานในอัตรา 1-2 เดือน เบื้องต้นแม้ว่าจะเป็นการจ่ายในอัตราที่น้อยกว่าปี 2556 จากผลประกอบการของบริษัทที่ลดลง แต่นายจ้างต้องการให้กำลังใจการทำงานของแรงงานและต้องการรักษาแรงงานไว้ โดยเฉพาะแรงงานที่มีฝีมือ เพราะหากไม่มีเงินโบนัส เกรงว่าพนักงานที่มีความสามารถอาจย้ายงานไปอยู่กับบริษัทขนาดใหญ่ หรือบริษัทที่มีผลประกอบการดีที่พร้อมให้ผลตอบแทนสูงกว่า
สำหรับกิจการที่ยังให้เงินโบนัสสูงๆ ส่วนใหญ่จะเป็นบริษัทผู้ส่งออก, บริษัทหลักทรัพย์, อสังหาริมทรัพย์, สถาบันการเงิน, ธุรกิจพลังงาน, ค่ายรถยนต์ เป็นต้น โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ส่งออก พบว่า บริษัทที่จ่ายเงินโบนัสแก่พนักงานในสัดส่วน 27% ระบุว่าจะจ่ายโบนัสมากกว่าปีที่แล้ว เพราะอุตสาหกรรมส่งออก มีการแข่งขันในการแย่งชิงแรงงานสูงมาก ขณะที่นายจ้าง 18.5% ระบุว่า จะไม่มีการจ่ายเงินโบนัสประจำปีนี้ และจะจ่ายโบนัสลดลง 22.3%, จ่ายโบนัสเท่าเดิม 44.4% และมีเพียง 14.8% ไม่จ่ายโบนัส โดยภาพรวมผู้ประกอบการ ที่ผลิตสินค้าขายในประเทศ จะมีเงินโบนัสประจำปีเฉลี่ยน้อยกว่าผู้ที่ส่งออก เพราะผู้ส่งออกส่วนหนึ่งมองว่าสินค้าบางประเภทส่งออกได้ดีกว่าปีก่อน รวมถึงได้รับอานิสงส์เงินบาทอ่อนตัวด้วย
“ในเรื่องความเชื่อมั่นในการดำเนินธุรกิจ และการปรับค่าจ้างในปี 2558 ผลสำรวจระบุว่า ผู้ประกอบการ 51% ไม่เชื่อมั่นว่าธุรกิจของตัวเองจะดีขึ้น ขณะที่ 40% เชื่อว่าธุรกิจในปีหน้าจะดีขึ้นกว่าปีนี้ และ มีจำนวน 9.43% ที่เห็นว่าธุรกิจจะแย่ลง ซึ่งแนวโน้มการจ้างงานส่วนใหญ่ 54.8% จะมีการจ้างงานคงเดิม และมีผู้ประกอบการ 17% ที่บอกว่าจะจ้างงานลดลง ส่วนแนวโน้มการปรับค่าจ้างในปีหน้า ผู้ประกอบการ 23% ที่ระบุว่าจะไม่มีการปรับค่าจ้าง แต่ 50% ระบุว่า จะปรับค่าจ้างขึ้นให้แต่ไม่เกิน 5%ของฐานค่าจ้างเดิม มีเพียง 22.5% ที่จะปรับค่าจ้างขึ้น 5-10%”
นายธนิตกล่าวว่า สภาองค์การนายจ้างฯ ต้องการขอให้รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ แบบแพ็กเกจ เพื่อเพิ่มกำลังซื้อให้กับประชาชน โดยต้องมีโครงการระยะสั้น ให้เม็ดเงินลงสู่ประชาชนโดยเร็วเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เร่งการส่งออกอย่างเป็นระบบ โดยร่วมกับสมาคมและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง การแก้ปัญหาสินค้าเกษตรตกต่ำ การแก้ปัญหาสภาพคล่องและหนี้ครัวเรือน และให้คงอัตราค่าจ้างขั้นต่ำในปีหน้าไว้ให้อยู่ในอัตราปัจจุบัน เพราะหากปรับค่าจ้างขึ้น จะมีผลกระทบต่อการฟื้นตัวของภาคธุรกิจ และต้องปฏิรูปโครงสร้างแรงงานทั้งระบบ
ทั้งนี้ หากพิจารณาความเชื่อมั่นผู้ประกอบการเป็นรายธุรกิจในปีหน้า พบว่า ผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรม 50% มองว่าผลประกอบการในปีหน้าจะใกล้เคียงกับปีนี้ แต่ 30% มองว่าผลประกอบการจะดีกว่าปีนี้ และนายจ้าง 60-70% จะยังจ้างงานในอัตราเดิม และอีก 30% เห็นว่าจะมีการจ้างงานเพิ่ม ขณะที่ปัญหาด้านแรงงานส่วนใหญ่ผู้ประกอบการระบุว่า ยังมีปัญหาขาดแคลนแรงงานฝีมือจำนวนมาก โดยผู้ประกอบการ 77% ระบุว่าขาดแคลนแรงงานกลุ่มนี้ ซึ่งผู้ส่งออกจะขาดแคลนมากกว่าผู้ผลิตขายในประเทศ ส่วนแรงงานไร้ฝีมือก็ยังมีการขาดแคลนมากเช่นกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้รายงานตัวเลขค่าจ้างเฉลี่ยของผู้มีงานทำที่เป็นลูกจ้าง ล่าสุด เมื่อเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา พบว่า ค่าจ้างของลูกจ้างทั้งในภาคเกษตกรรม ลูกจ้างนอกภาคเกษตรกรรม คือ ภาคอุตสาหกรรม ภาคการค้า ภาคก่อสร้าง ภาคบริการ ยังคงเพิ่มขึ้นจากปีก่อน แม้เป็นการเพิ่มขึ้นที่ไม่สูงมาก แต่เนื่องจากภาวะขาดแคลนแรงงานยังเกิดขึ้นในหลายอุตสาหกรรม ทำให้นายจ้างขึ้นค่าจ้างเพื่อรักษาการจ้างงาน.
หางานตามสาขาอาชีพ
JOBBKK.COM © สงวนลิขสิทธิ์ All Right Reserved
jobbkk มีเพียงเว็บเดียวเท่านั้น ไม่มีเว็บเครือข่าย โปรดอย่าหลงเชื่อผู้แอบอ้าง และหากผู้ใดแอบอ้าง ไม่ว่าทาง Email, โทรศัพท์, SMS หรือทางใดก็ตาม จะถูกดำเนินคดีตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด 
