ความผันผวนที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทำให้คนทำงานแทบเกิดอาการช็อคเทคโนโลยีเหมือนปลาช็อคน้ำเมื่อถูกเปลี่ยนน้ำ ใครตั้งรับไม่ทันก็จำใจต้องลาออกหรือเปลี่ยนอาชีพไปเลย
ทั้งนี้ Soft Skills เป็นทักษะสำคัญที่ทุกคนฝึกฝนและพัฒนาได้ เพื่อให้ตนเองดำรงอยู่ได้ต่อไปในโลกธุรกิจปีหน้า
แต่ถ้าไม่มี อาจไม่รอดครับ
1 Self – Direct การกำกับการทำงานด้วยตนเอง : เมื่อวิธีการทำงานถูกปรับเปลี่ยนไป ต้องทำงานผ่านเครื่องมือทาง Digital ทำให้การบังคับบัญชาเน้นไปที่การสั่งงานและการติดตามความคืบหน้าของงาน มากกว่าการสอนงานซึ่งทำได้ไม่เต็มที่หรือถูกลดบทบาทลงโดยปริยาย
คนทำงานยุค Digital จำเป็นต้องเรียนรู้การทำงานด้วยตนเอง ต้องมีทักษะในการค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับการทำงานได้ดี ไม่เสียเวลาไปกับการพึ่งพาการสอนงานจากหัวหน้า สร้างกำลังใจให้ตนเองเพื่อให้สามารถสร้างผลงานได้ตามความรับผิดชอบ
คนมีทักษะ Self-Direct เป็นคนที่กำหนดเป้าหมายงานชัดเจน มีการทำงานเป็นขั้นตอน มีการตรวจสอบความคืบหน้างานด้วยตนเองอย่างเป็นระบบ จัดลำดับการทำงานและบริหารเวลาได้ดี เช่น มีการทำ to-do-list การวางแผนงาน นำส่งงานได้ตามกำหนดนัดหมาย มีการเตือนตัวเองอยู่เสมอ บางคนอาจถึงขั้นริเริ่มงานใหม่ๆ ให้กับตนเองโดยไม่ต้องให้หัวหน้าช่วยคิด
Self-Direct จึงเป็นทักษะที่องค์กรสมัยใหม่ให้ความสำคัญและพยายามสร้างให้เกิดขึ้นในตัวบุคลากร ให้เป็นบุคลิกเฉพาะ(Trait) ของคนในองค์กร เพื่อให้พร้อมต่อการรับมือกับสถานการณ์ในอนาคต
2 Constructive Communication การสื่อสารที่สร้างสรรค์ : จากสภาวะการระบาดของโควิด 19 ทำให้ธุรกิจต้องยอมรับสภาพการ Work From Home ซึ่งอดีตที่ผ่านมา คนไทยยังไม่ตอบรับการทำงานรูปแบบนี้
สถานการณ์ดังกล่าวจึงทำให้คนทำงานมีโอกาสพบปะกันแบบซึ่งหน้าน้อยลง การสื่อสารแบบ Face-to-Face Communication ถูกแทนที่ด้วยการทำงานในรูปแบบ Remote Communication ที่มีการทำงานแบบ Virtual Team มากขึ้น คนทำงานร่วมกันไม่สามารถสัมผัสภาษากายของคู่สนทนาได้ (ต่อให้คุยกันทางวิดีโอก็ไม่สามารถสัมผัสความรู้สึกของฝ่ายตรงข้ามได้ดีเท่ากับการพบกันซึ่งหน้า) การหยั่งรู้ความคิดความรู้สึกของฝ่ายตรงข้ามจึงทำได้ไม่ดีพอ
ทั้งนี้ การแก้ปัญหาหลังจากเกิดความขัดแย้งกันแล้วซึ่งมาจากความไม่เข้าใจกันไม่ใช่ทางออกที่ดี การป้องกันความขัดแย้งจึงเป็นสิ่งที่ต้องคิดไว้ล่วงหน้า โดยการเรียนรู้ศึกษาวิธีการสื่อสารที่สร้างสรรค์เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นภายหลัง ทั้งการสื่อสารด้วยวาจา เช่นการประชุม Online การคุยกันทางเสียงผ่านสื่อ Digital และโทรศัพท์ รวมถึงการสื่อสารในรูปแบบลายลักษณ์อักษร ด้วยการเขียนที่ใช้ถ้อยคำซึ่งไม่ทำให้ผู้อ่านเกิดความรู้สึกที่ผิดเพี้ยนไปจากความตั้งใจของผู้เขียนหรือผู้พูด
เนื่องจากเทคโนโลยีทำให้พฤติกรรมคนเคยชินกับความเร็ว ปัจจุบันมีคนจำนวนมากที่ชอบเขียนข้อความหรือพูดสั้นๆ เข้าใจเองโดยไม่ได้คิดว่าคนอื่นจะเข้าใจด้วยหรือไม่ หรือมีการพูดคุยกันโดยไม่บอกที่มาที่ไปของเรื่อง ทำให้ผู้ฟังไม่เข้าใจหรือตีความผิดไป
โดยเฉพาะการสื่อสารไปยังคนต่าง Generation ต่างภาษา ซึ่งมี gap ของการใช้ภาษาที่แตกต่างกัน ความเข้าใจความหมายของภาษาต่าง Gen ที่แตกต่างกัน เช่น “ดีงาม” ของ Baby Boomer อาจใช้ต่างกับเด็กยุคปัจจุบัน หรือคำพูดคำเดียวกัน ต่างเชื้อชาติต่างวัฒนธรรมอาจแปลความหมายต่างกัน นี่เป็นเรื่องสำคัญที่ไม่อาจมองข้ามได้
และทักษะนี้ก็รวมไปถึงการสื่อสารกับลูกค้าหรือคู่ค้าขององค์กรและการติดต่อกับหน่วยงานภายนอกองค์กรด้วยคนหางานหรือคนทำงานต้องมีความเข้าใจและระมัดระวังให้มาก เช่น พอลูกค้าไม่ตอบรับข้อเสนอ พนักงานก็พูดกับตัวเองดังๆ ว่า “แต่ว!!” ซึ่งอาจทำให้ลูกค้าเกิดความไม่พอใจ
โดยสรุปแล้ว คือการรู้จักใช้คำพูดให้ถูกต้องตามกาลเทศะ ตามความเหมาะสมของสถานการณ์และคู่สนทนา รวมถึงการให้ข้อมูลที่ถูกต้องครบถ้วน การแสดงออกซึ่งความจริงใจ เป็นมิตรทางน้ำเสียง
อย่างไรแล้ว ภาษาพูดหรือภาษาเขียน ทุกคนสามารถฝึกฝนให้เป็นทักษะติดตัวได้จากการอ่านบทความ การดูหนัง ดูละคร การฟังสัมมนาหรืออื่นๆ โดยการเลือกเอาเฉพาะสิ่งที่สร้างสรรค์จากสื่อเหล่านั้นมาประยุกต์ใช้กับการทำงานประจำวันของตนเอง
3 Adaptability ความสามารถในการปรับตัวให้ทันต่อสถานการณ์และสิ่งที่เกิดขึ้นใกล้ตัว : มีความสำคัญต่อสถานการณ์ทางธุรกิจและความอยู่รอดของคนทำงานมากขึ้น เนื่องจากการระบาดของโควิด 19 ทำให้เกิดเทคโนโลยีใหม่ๆ ขึ้นแทบวันต่อวัน เพื่อมาสนับสนุนพร้อมอำนวยความสะดวกต่อธุรกิจและการดำเนินชีวิตของคนทำงาน
ส่งผลให้วิธีทำงานเปลี่ยนแปลงแบบทิ้งยุคเก่าไปทันทีทันใด คนทำงานต้องเรียนรู้เครื่องมือทางเทคโนโลยีใหม่ๆ เกี่ยวกับการทำงานในระยะเวลาสั้น เปลี่ยนจากการทำงานแบบพบหน้ากันเป็นการทำงานร่วมกันด้วยสื่อและเครื่องมือต่างๆ ลักษณะของมนุษยสัมพันธ์เปลี่ยนแปลงไปจาก Face-to-Face Relationship เป็น Distance Relationship ซึ่งการรู้ใจกันเกิดขึ้นได้ยากกว่า หัวหน้างานต้องบริหารทีมผ่านสื่อ การประชุมร่วมกันในห้องประชุมเปลี่ยนไปเป็นการประชุมในห้องเสมือนบน Software หรือบนสื่อขององค์กร
ทำให้การควบคุมทีมต้องพึ่งพาทักษะและเทคนิคในการสื่อสารมากขึ้น เวลาทำงานที่เคยกำหนดไว้แน่นอนถูกเปลี่ยนแปลงไป สาเหตุเกิดจากการ Work From Home หรือการทำงานแบบไร้สถานที่ (virtual workplace)
บางองค์กรไม่กำหนดสถานที่ทำงานที่แน่นอน และเวลาส่วนตัว เช่น นอกเวลางานหรือวันหยุด ก็มีการทำงานเข้ามาสอดแทรกบ้างจนเป็นวิถีปกติที่ปฏิเสธไม่ได้ เนื่องจากความทันสมัยของเทคโนโลยีที่ทำให้ธุรกิจต้องเดินหน้า 24 ชั่วโมงทุกวัน และยังทำให้สามารถสื่อสารกันได้ตลอดเวลา
การปรับตัวจึงไม่ใช่เพียงปรับทักษะในการทำงานหรือใช้เครื่องมือทาง Digital ต่าง ๆ แต่ยังเป็นการปรับทัศนคติเชิงบวกของคนทำงานในการเรียนรู้สิ่งใหม่อย่างรวดเร็วไปพร้อมกันด้วย
ทั้งนี้ การประเมินผลงานก็เน้นไปที่ความสำเร็จของงานมากขึ้น และเริ่มลดความสำคัญเรื่องเวลาทำงานลงในหลาย ๆ ตำแหน่ง คนหางานที่มีทักษะในการปรับตัวได้สูง ย่อมมีค่าต่อองค์กรที่อยู่ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงโดยเฉพาะกระบวนการทำงานและการรายงานอย่างมีประสิทธิภาพ คนที่ปรับตัวในที่นี้จึงเกี่ยวข้องกับการเป็นคนที่เปิดรับและใฝ่รู้ในเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อให้งานสำเร็จตามเวลาและมีคุณภาพ ที่สำคัญคือ การปรับตัวได้มักทำให้คนอยู่ทำงานในองค์กรได้ต่อไป ถือเป็นทักษะที่เกี่ยวข้องกับการลดการลาออกของพนักงานโดยตรงอีกด้วย
5 Hard Skills คนหางานต้องเตรียมพร้อม นายจ้างต้องการสูงสุดในปี 2022 คลิกอ่านเพิ่มเติม >> https://jobbkk.com/go/3gAzG
Website : www.senmentor.com
Line : wisebrown
Tel : 081-820-9271
หางานด่วน เปิดรับกว่า 149,635 อัตรา คลิก >> https://jobbkk.com/go/YtvVO
หางานตามสาขาอาชีพ
JOBBKK.COM © สงวนลิขสิทธิ์ All Right Reserved
jobbkk มีเพียงเว็บเดียวเท่านั้น ไม่มีเว็บเครือข่าย โปรดอย่าหลงเชื่อผู้แอบอ้าง และหากผู้ใดแอบอ้าง ไม่ว่าทาง Email, โทรศัพท์, SMS หรือทางใดก็ตาม จะถูกดำเนินคดีตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด