สาวโพสต์โวย สนามบินสุวรรณภูมิ ไม่ให้พนักงานห่ออาหารใส่ถุงและโฟม เข้าเขตพื้นที่เขตการบิน ด้านท่าอากาศยานฯ ยืนยันมาตรการดังกล่าวเพื่อความปลอดภัย
ชาวเน็ตพากันวิจารณ์! หลังสมาชิกเฟซบุ๊ก Chutima Auchu ได้โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พนักงานระดับล่างอย่างพวกเราเดือดร้อนกันใครช่วยได้เนี่ย รบกวนด้วยนะคะ จะขอบคุณมาก คือพนักงานAOT ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ห้ามไม่ให้บุคคลหรือพนักงานนำข้าวหรือซื้อข้าวและอาหารเข้าไปทานบริเวณเขตพื้นที่การทำงานของแต่ละบริษัท พนักงานแต่ละคนบ่นกันมากเพราะถือถุงข้าวเข้าช่องทางผ่านเข้าสนามบิน ทางเจ้าหน้าที่การท่าก็มาห้ามไม่ให้เอาเข้าไปพร้อมกับนำข้าวและกับข้าวของเราไปทิ้งขยะพร้อมกับพูดจาไม่ดีและไล่ให้ไปซื้อกล่องข้าวมาใส่เข้าไป และห้ามนำข้าวใส่ถุงที่ซื้อจากร้านค้าข้างนอกนำเข้าไป ความเดือดร้อนของพนักงานคือแค่เวลาเตรียมตัวมาทำงานก็แทบจะไม่ทันอยู่แล้ว ก็เลยหาซื้อกับข้าวข้างนอกเข้าไปด้วยเนื่องจากเตรียมตัวมาทำงานและการเดินทางมาทำงานก็ใช้เวลามากแล้ว จะให้ทำกับข้าวห่อใส่กล่องมาเองเวลาคงไม่ทันหรอกค่ะและเชื่อว่าชีวิตการทำงานของคนส่วนใหญ่ก็เป็นแบบเดียวกัน แต่ประเด็นหลักของการท่าอากาศยานไม่ให้นำอาหารเข้ามี 2 ประเด็น
1. เนื่องจากทางพื้นที่ฟรีโซนหรือพื้นที่เขตคาโก้สนามบินมีขยะเยอะ และต้นเหตุหรือเหตุการณ์ถุงพลาสติกที่ใช้คุมคาร์โก้ปลิวเข้าไปในเครื่องยนต์เจ็ทของเครื่องบินของสายการบินหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่เหตุที่มาจากซื้อข้าวเข้าไปทานเลย
2. เนื่องจากทางพื้นที่ข้างในสนามบินมีการขายข้าวและอาหารที่แพงมากเพราะผู้ประกอบการจ่ายท่าเช่าที่แพง จึงเป็นเรื่องของผลประโยชน์ระหว่างผู้เช่ากับทางอากาศยานสุวรรณภูมิ จึงมีการห้ามพนักพนักที่ทำงานในพื่นที่ห้ามนำอาหารเข้ามาเพราะกลัวไม่มีใครไปซื้อข้าวในร้านค้าข้างใน
และพนักงานที่ทำงานหาเช้ากินค่ำทำงานเงินเดือนชนเดือนคงไปซื้อข้าวที่มีราคากแพงข้างในสนามบินทั้งเดือนคงไม่ไหว หลายคนจึงเลือกทางเลือกโดยการซื้อข้าวและกับข้าวข้างนอกที่ถูกกว่ามาทานแทนเพื่อความประหยัด"
นอกจากนั้น ยังมีภาพคำสั่งห้ามพนักงานสนามบินสุวรรณภูมิ บรรจุอาหารใส่กล่องโฟม เข้ามารับประทาน โดยป้ายคำสั่งดังกล่าวติดอยู่ภายในสนามบินสุวรรณภูมิ มีข้อความระบุว่า "ตั้งแต่วันที่ 18 พ.ค. 58 เวลา 08.00 น. เป็นต้นไป ยกเลิกการนำอาหารที่บรรจุในกล่องโฟมเข้าไปรับประทานอาหารในพื้นที่เขตลานจอดอากาศยานและพื้นที่คัดแยกกระเป๋า อนุญาตให้เฉพาะอาหารที่บรรจุภาชนะที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ เช่น ทัพเพอร์แวร์, แก้วกระเบื้อง สามารถใช้อาหารนำเข้าไปรับประทานได้"
คำสั่ง ห้ามพนักงาน ใช้กล่องโฟมบรรจุอาหาร
ด้าน นายศิโรตม์ ดวงรัตน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) เปิดเผยถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์และส่งต่อข้อความในสื่อสังคมออนไลน์ว่า ทอท. มาตรการดังกล่าวได้เริ่มนำมาถือปฏิบัติตั้งแต่วันที่ 18 พฤษภาคม 2558 ที่ผ่านมา โดยมีการประกาศยกเลิกการนำอาหารที่บรรจุในกล่องโฟมและถุงพลาสติกเข้าไปในพื้นที่เขตการบิน (Airside) และพื้นที่คัดแยกกระเป๋า (Sorting Area) โดยอนุญาตให้เฉพาะอาหารที่บรรจุภาชนะที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ อาทิ กล่องพลาสติกบรรจุอาหาร ฯลฯ ซึ่งมาตรการข้างต้นท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กำหนดขึ้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพมาตรการความปลอดภัยในพื้นที่หวงห้าม เนื่องจากวัสดุกล่องโฟมและถุงพลาสติกได้สร้างปัญหาเป็นขยะที่อาจเป็นวัตถุแปลกปลอม ที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่ออากาศยานในขณะขับเคลื่อนได้ ซึ่งที่ผ่านมาท่าอากาศยาน ได้มีการผ่อนผันการใช้มาตรการดังกล่าว เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนให้กับพนักงานที่ปฏิบัติงานในพื้นที่เขตการบินในช่วงระหว่างที่ร้านอาหารส่วนใหญ่ได้ปิดให้บริการ แต่ในปัจจุบันทางท่าอากาศยาน ได้มีการจัดหาร้านอาหารสวัสดิการราคาถูกเข้ามาให้บริการในพื้นที่ดังกล่าวแล้ว อีกทั้งพนักงานยังคงสามารถนำอาหารเข้าไปได้เช่นเดิม เพียงแต่ต้องบรรจุในภาชนะที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้เท่านั้น ดังนั้น จึงเป็นเหตุผลในการนำมาตรการห้ามใช้กล่องโฟมและถุงพลาสติกบรรจุอาหารเข้ามาในพื้นที่เขตหวงห้ามดังกล่าวมาถือปฏิบัติ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลด้านความปลอดภัยภายในเขตการบิน
นายศิโรตม์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ข้อร้องเรียนที่เกิดขึ้นอาจมาจากการที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ยังไม่สามารถสื่อสารถึงเหตุผลความจำเป็นข้างต้นให้ผู้เกี่ยวข้องทราบอย่างทั่วถึง ทั้งนี้จะเร่งสร้างความเข้าใจให้สายการบิน บริษัทจัดจ้างแรงงานภายนอก และหน่วยงานต่างๆ ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ดังกล่าวได้เข้าใจถึงเหตุผลและความจำเป็น รวมทั้งให้นำไปชี้แจงกับพนักงานได้ทราบและให้ความร่วมมือปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าวต่อไป
ภาพประกอบจาก : Chutima Auchu / Chang Chobyai
หางานตามสาขาอาชีพ
JOBBKK.COM © สงวนลิขสิทธิ์ All Right Reserved
jobbkk มีเพียงเว็บเดียวเท่านั้น ไม่มีเว็บเครือข่าย โปรดอย่าหลงเชื่อผู้แอบอ้าง และหากผู้ใดแอบอ้าง ไม่ว่าทาง Email, โทรศัพท์, SMS หรือทางใดก็ตาม จะถูกดำเนินคดีตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด 
