ผู้สมัครงาน
เข้าสู่ช่วงหน้าฝน บางพื้นที่ก็ตกหนักจนท่วมท้นแบบไม่เผื่อแผ่พื้นที่ ที่แล้งซะเหลือเกิน อาจจะเป็นเพราะสภาพอากาศที่ค่อนข้างแปรปรวน และมีผลกระทบทำให้ฝนฟ้าไม่ตกตามฤดูกาล แต่เรื่องของฟ้าฝนคาดเดาได้ซะที่ไหนกัน ว่าจะตกช่วงเวลาไหน ตกเช้าก็เดินทางไปทำงานลำบาก ฝนตก รถติด เป็นของคู่กัน ฝนตกสายหรือบ่ายก็เกิดปัญหากับคนที่ทำงานนอกอาคาร ไหนจะเปียกฝน ไหนจะต้องเก็บอุปกรณ์ต่างๆ ยิ่งถ้าฝนตกตอนช่วงเย็นก็ทำให้การพบปะสังสรรค์ระหว่างเพื่อนฝูงต้องเป็นอันยกเลิก และที่สำคัญที่สุดคือไม่ว่าฝนจะตกช่วงเวลาไหน ก็อาจทำให้เราไม่สบายได้ วันนี้เราจึงได้นำวิธีดูแลตัวเองช่วงหน้าฝนมาฝากทุกคน เพื่อให้ช่วงหน้าฝนนี้เพื่อนๆ มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง พร้อมกับการทำงานในเช้าวันใหม่ แต่จะมีวิธีอะไรบ้าง ไปตามอ่านกันได้เลยจ้า
1. พักผ่อนนอนหลับให้เพียงพอ
การนอนหลับเป็นวิธีแรกสุดที่ควรทำ เพราะการนอนหลับพักผ่อนที่เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 6 – 8 ชั่วโมง จะทำให้ระบบต่างๆ ในร่างกายเป็นปกติ ทั้งลดภาวะเครียดที่เสี่ยงต่อการเป็นอัลไซเมอร์ และยังมีส่วนช่วยในการควบคุมน้ำหนักเพื่อรูปร่างที่สมส่วน การนอนหลับพักผ่อนที่เพียงพอจะทำให้ระบบสมองทำงานได้อย่างเต็มที่ ไม่เกิดอาการเบลอหรือง่วงเพลียระหว่างวัน
2. ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 1.5 ลิตร
การดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 1.5 ลิตร มีผลดีต่อร่างกายมากมาย เช่น ช่วยในเรื่องขับถ่ายทำให้ไม่ท้องผูก ช่วยทำให้ปริมาณไขมันในร่างกายลดลง ช่วยให้ร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ คลายความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า ผู้ที่เป็นหวัดควรดื่มน้ำให้มากๆเพราะว่าจะช่วยให้เสมหะไม่เหนียวและช่วยลดไข้ ช่วยให้กล้ามเนื้อหัวใจทำงานน้อยลง ผิวพรรณสดใสไม่ซีด ไม่เหี่ยวย่นก่อนวัยอันควร เพิ่มขีดความสามารถในการต้านทานโรค
3. ทานอาหารที่มีประโยชน์
ควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงเพราะช่วยเสริมภูมิต้านทานให้หายจากหวัดได้เร็วขึ้น และยังมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระได้ดีเยี่ยม พอๆกับวิตามินอี ซึ่งขึ้นชื่อในเรื่องของสารอาหารต่อต้านมะเร็ง และใช้รักษาโรคมะเร็ง ซึ่งผลไม้ที่มีวิตามินซีที่หาทานได้ทั่วไป ก็เช่น ฝรั่ง มะละกอ ส้มและสับปะรด รับประทานอาหารที่มีฤทธิ์เผ็ดร้อนเป็นการเพิ่มอุณหภูมิให้แก่ร่างกาย และหลีกเลี่ยงอาหารที่มีฤทธิ์เย็น รสขม เพราะเมื่ออุณหภูมิในร่างกายลดลงจะส่งผลให้ระบบการย่อยทำงานหนัก รับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่เท่านั้น เพราะอากาศชื้นเป็นอุณหภูมิที่พอเหมาะกับเชื้อโรค แบคทีเรียและจุลินทรีย์ทั้งหลาย
4. ดูแลรักษาร่างกายให้แห้งและอบอุ่นอยู่เสมอ
ถ้าตากฝนหรือตัวเปียกนานเกินไป อาจทำให้เป็นหวัดได้ ถ้าเป็นเด็กไม่ควรเกิน 2 ชั่วโมง ผู้ใหญ่ไม่เกิน 3 - 4 ชั่วโมง เมื่อใดที่เปียกฝน ควรชะล้างทำความสะอาดสิ่งที่สกปรกที่มากับฝน ด้วยการอาบน้ำสระผมให้สะอาดและเช็ดตัวให้แห้งทุกครั้ง ไม่ควรปล่อยให้ตัวเปียกชื้นในที่อากาศเย็น เพราะนั่นจะทำให้เป็นหวัดได้ง่ายขึ้น แต่หากต้องออกไปข้างนอก เช่นไปทำงาน ควรเตรียมชุดสำรองเผื่อเปียกฝนจะได้เปลี่ยน เมื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว ควรอยู่ในบริเวณที่อากาศถ่ายเท เพื่อให้ร่างกายได้ปรับตัวแล้วดื่มน้ำอุ่นตาม ไม่ควรอยู่ในห้องแอร์หรือนั่งจ่อพัดลมทันที
5. ออกกำลังกายเป็นประจำ
การออกกำลังกายสามารถช่วยสร้างความอบอุ่นให้แก่ร่างกายได้ และที่สำคัญยังช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันต่อโรคได้ด้วย ซึ่งการออกกำลังกาย ควรเป็นการออกกำลังกายแบบแอโรบิก เช่น การเดินเร็วๆ การวิ่งเหยาะ การขี่จักรยาน การเล่นกีฬาที่มีการเคลื่อนไหวต่อเนื่องทำให้รู้สึกหายใจเร็วขึ้น ออกกำลังกายสัปดาห์ละ 5 วัน วันละ 30 นาที เป็นเวลาอย่างน้อยก็เพียงพอที่จะเกิดภูมิคุ้มกันในบริเวณทางเดินหายใจ การออกกำลังกายหนักมากเกินไปกลับไม่ส่งเสริมภูมิคุ้มกัน ควรเริ่มจากเบาๆ ระยะเวลาน้อยๆ ก่อน แล้วค่อยเพิ่มเวลาขึ้นในแต่ละสัปดาห์เพื่อให้ร่างกายปรับตัว จากนั้นจึงเพิ่มความแรงหรือความหนัก และย้ำว่าไม่จำเป็นต้องหนักหรือเหนื่อยมาก
เมื่อหน้าฝนเริ่มมาเยือน เราควรเตรียมร่างกายให้พร้อมรับมือเอาไว้ก่อน การมีร่างกายที่แข็งแรงมีภูมิคุ้มกันดี ย่อมดีกว่าต้องมานั่งรักษาตัวทีหลังให้ช้ำใจ ไม่เพียงแต่จะช่วยให้มีสุขภาพดีในช่วงหน้าฝนเท่านั้นแต่ยังจะส่งผลต่อการมีสุขภาพดีในระยะยาว แต่หากเลือกได้คงไม่มีใครอยากเจ็บป่วย ทางที่ดีควรหมั่นดูแลรักษาสุขภาพของตนเอง ด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกาย และพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อเป็นเกราะป้องกันโรคภัยไข้เจ็บให้ห่างไกลจากตัวเรา "ไม่มีโรค เป็นโรคลาภอันประเสริฐ"
และสำหรับข่าวสารดี มีสาระ พร้อมกิจกรรม เพื่อนๆสามารถติดตามพวกเราได้ที่
Youtube: https://www.youtube.com/user/jobbkkdotcom
JOBBKK Facebook Fanpage: https://www.facebook.com/jobbkk
Website: https://www.jobbkk.com
หางานตามสาขาอาชีพ
JOBBKK.COM © สงวนลิขสิทธิ์ All Right Reserved
jobbkk มีเพียงเว็บเดียวเท่านั้น ไม่มีเว็บเครือข่าย โปรดอย่าหลงเชื่อผู้แอบอ้าง และหากผู้ใดแอบอ้าง ไม่ว่าทาง Email, โทรศัพท์, SMS หรือทางใดก็ตาม จะถูกดำเนินคดีตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด