แฉโฉม 'อิซาน' ตัวแสบ บงการระเบิดราชประสงค์

  • 11 พ.ค. 2563
  • 1483
หางาน,สมัครงาน,งาน,แฉโฉม 'อิซาน' ตัวแสบ บงการระเบิดราชประสงค์

เผยโฉมหน้า “อิซาน” นายอาบูดูซาตาเออร์ ดาบูดูเรห์มาน ผู้บงการก่อเหตุ วางระเบิดที่ศาลท้าวมหาพรหม ย่านราชประสงค์ หลังสอบปากคำนายเมียไรลี ยูซูฟู หนึ่งในผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องคดีบึมกลางกรุงตลอดทั้งคืนจนเกือบสว่างกว่า 14 ชม. ให้การซัดทอดแฉถึง “อิซาน” ว่าเป็นหัวหน้าวางแผนการทั้งหมด พนักงานสอบสวนนำตัวชี้จุดประกอบคำรับสารภาพ 12 แห่ง ใช้ตำรวจกว่าร้อยนายดูแลความปลอดภัย ผบ.ตร.ยืนยันยังจับชายเสื้อเหลืองมือวางระเบิดไม่ได้ พร้อมทั้งเตรียมย้ายตำรวจ ตม.ชนิดล้างบาง ส่วน น.ส.วรรณา สวนสัน ก็หายเข้ากลีบเมฆ เจ้าหน้าที่ติดต่อไม่ได้ ทางกระทรวงคมนาคมสั่งเพิ่มระดับ รปภ.สนามบินเข้มข้น ด้านนายกฯชี้ผู้ต้องหาคดีระเบิดไม่ต้องขึ้นศาลทหาร

จากเหตุการณ์คนร้ายชาวต่างชาติลอบวางระเบิดที่ศาลท้าวมหาพรหม ย่านราชประสงค์ และท่าน้ำสาทร ชุดสืบสวนคลี่คลายคดีจับกุมนายบิลา มูฮัมหมัด หรือนายอาเดม การาดัค พร้อมของกลางอุปกรณ์และสารประกอบระเบิดได้ที่อพาร์ตเมนต์ย่านหนองจอก และติดตามจับนายเมียไรลี ยูซูฟู ผู้ร่วมขบวนการถือพาสปอร์ตชาวจีน ขณะกำลังหนีออกนอกประเทศบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา นายบิลาถูกส่งไปควบคุมไว้ในเรือนจำแล้ว ส่วนนายเมียไรลี ทหารส่งให้พนักงานสอบสวน บช.น.สอบปากคำ ให้การรับสารภาพ ซัดทอดถึงผู้บงการอ้างว่าเป็นชาวจีน ชื่อนายอิซาน ด้านคดีขณะนี้ออกหมายจับผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องทั้งคนไทยและต่างชาติ 11 รายแล้ว ล่าสุดมีกระแสข่าวว่าชุดสืบสวนลงใต้ตามจับชายใส่เสื้อเหลืองมือวางระเบิดได้บริเวณชายแดนปลายด้ามขวานนั้น

สอบเค้น “เมียไรลี” ยันรุ่งเช้า

หลังจากเจ้าหน้าที่ทหารส่งตัวนายเมียไรลี ยูซูฟู ให้พนักงานสอบสวน บช.น.สอบปากคำ ความคืบหน้าที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เมื่อเวลา 05.20 น. วันที่ 8 ก.ย. พล.ต.ต.สมประสงค์ เย็นท้วม ผบก.น.3 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยอรินทราช 10 นาย พร้อมอาวุธปืนยาว ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบอีกกว่า 30 นาย นำตัวนายเมียไรลี ยูซูฟู ขึ้นรถตู้ไปควบคุมที่ สน.มีนบุรี นายเมียไรลีมีสีหน้าอิดโรยอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากพนักงานสอบสวนเริ่มสอบปากคำตั้งแต่บ่ายวันที่
7 ก.ย. จนเกือบเช้า โดยมีล่ามภาษาตุรกี อังกฤษ และจีนร่วมสอบสวน ใช้เวลาประมาณ 14 ชม. จึงเสร็จสิ้น เมื่อมาถึง สน.มีนบุรี ตำรวจได้แจ้งขั้นตอนและสิทธิทางกฎหมายให้ทราบ จากนั้นนำตัวนายเมียไรลีเข้าห้องขังของ สน. โดยมีตำรวจและทหาร พร้อมอาวุธครบมือคุ้มกันอย่างแน่นหนา

ถ่ายภาพตอนบึ้มแต่รูปไม่ติด

จากการสอบสวนนายเมียไรลี ยูซูฟู กรณีใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายรูปขณะเกิดเหตุระเบิดที่ลานน้ำพุ ห้างเซ็นทรัลเวิลด์ ก่อนแชร์ภาพผลงานส่งให้เพื่อนร่วมขบวนการ มีหลักฐานภาพกล้องวงจรปิดบันทึกภาพไว้ได้ขณะเดินอยู่บริเวณดังกล่าว นายเมียไรลีให้การว่า หลักฐานภาพบุคคลตามกล้องวงจรปิดเป็นรูปตนจริง และยอมรับว่าใช้โทรศัพท์ถ่ายภาพตอนเกิดเหตุระเบิดแต่รูปไม่ติด ส่วนการติดต่อกับนายอิซาน ผู้สั่งการนั้น ใช้โปรแกรมวอทส์แอพ เพื่อป้องกันการตรวจสอบ มีรายงานด้วยว่า พนักงานสอบสวนให้ลงชื่อในสำนวนคดีหลังสอบปากคำเสร็จแล้ว นายเมียไรลีกลับนั่งนิ่งลังเลอยู่พักใหญ่ก่อนยอมเซ็นชื่อคำให้การรับสารภาพ เบื้องต้นแจ้งข้อหา ร่วมกันมีวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ครอบครองโดยผิดกฎหมาย

“อิซาน” เผ่นออกนอกก่อนบึ้ม 1 วัน

นายเมียไรลี ยูซูฟู ให้การรับสารภาพด้วยว่า อยู่ร่วมขบวนการก่อเหตุระเบิด พักอาศัยอยู่ที่มูไมณา การ์เด้นโฮม ย่านมีนบุรี และก่อนเกิดเหตุระเบิดที่ศาลพระพรหม เดินทางไปที่พูลอนันต์อพาร์ตเมนต์ ย่านหนองจอก เพื่อเอากระเป๋าเป้สีดำ จากนั้นนั่งรถแท็กซี่มาเพียงคนเดียว นายเมียไรลีให้การปฏิเสธไม่มีส่วนรู้เห็นว่าในการประกอบระเบิด กดรีโมตระเบิด รวมทั้งไม่ทราบว่าของในกระเป๋าเป็นระเบิดแสวงเครื่องที่นำมาใช้ก่อเหตุ โดยนำกระเป๋ามาส่งให้ชายเสื้อเหลืองหน้าสถานีรถไฟหัวลำโพง ชายเสื้อเหลืองและชายเสื้อฟ้าที่หย่อนระเบิดทิ้งบริเวณท่าน้ำสาทรรู้จักกันในประเทศไทย ส่วนนายอาบู-ดูซาตาเออร์ ดาบูดูเรห์มาน หรืออิซาน อายุ 28 ปี ผู้บงการเป็นคนนัดทุกคนมารวมกันที่ห้องพักย่านหนองจอก วางแผนแบ่งหน้าที่ให้แต่ละคนทำงาน จากนั้นวันที่ 16 ส.ค. ก่อนเกิดเหตุระเบิด 1 วัน นายอิซานก็หลบหนีออกนอกประเทศไป

แฉข้อมูลคนบงการวางระเบิด

มีรายงานด้วยว่า นายเมียไรลี ยูซูฟู ให้การด้วยว่า นายอาบูดูซาตาเออร์ ดาบูดูเรห์มาน หรืออิซาน ถือพาสปอร์ตชาวจีน มีเชื้อสายตุรกี เคยเข้าออกประเทศไทยหลายครั้ง นายอิซาน เป็นคนให้จัดการเปิดบริษัทจำหน่ายเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ และขายโทรศัพท์มือถือ ที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่านสุรวงศ์ ไว้บังหน้าเพื่อยืดอายุวีซ่า แต่ไม่ได้มีการทำกิจการแต่อย่างใด นายอิซานยังรู้จักกับขบวนการปลอมพาสปอร์ต ทั้งนี้เจ้าหน้าที่เชื่อว่า นายอิซาน น่าจะเป็นผู้บงการวางแผน จัดส่งกำลังบำรุง และหาสถานที่พัก ก่อนลงมือก่อเหตุวางระเบิด

เบิกตัวทำแผนชี้จุดที่กบดาน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเมียไรลี ยูซูฟู ถูกควบคุมตัวอยู่ในห้องขัง ได้ทานอาหารเช้าก่อนทำพิธีละหมาดจากนั้นก็นอนหลับพักผ่อน ตอนช่วงเที่ยงตื่นมาละหมาดแล้วทานอาหารก่อนนอนพักอีกครั้ง เพราะมีอาการเพลียจากการถูกสอบปากคำทั้งคืน ต่อมาเวลา 15.30 น. พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา ผบก.สส.บช.น. พล.ต.ต.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผบก.น.6 พล.ต.ต.สมประสงค์ เย็นท้วม ผบก.น.3 พ.ต.อ.วัฒนา ยี่จีน รอง ผบก.น.3 รรท.ผกก.สน.มีนบุรี นำตัวนายเมียไรลีเพื่อไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ก่อนนำตัวขึ้นรถควบคุมผู้ต้องหา เจ้าหน้าที่นำเสื้อเกราะกันกระสุนมาใส่กันการลอบสังหาร โดยมีเจ้าหน้าที่หน่วยอรินทราชและทหาร พร้อมอาวุธตามประกบติดดูแลความปลอดภัย

ชี้จุดตามคำรับสารภาพ 12 จุด

พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า พนักงานสอบสวนนำตัวนายเมียไรลีไปทำแผน 3 จุด ที่พูลอนันต์ อพาร์ตเมนต์ ย่านหนองจอก สถานที่พบอุปกรณ์และชิ้นส่วนประกอบระเบิด ห้องพักไมมูณาการ์เด้นโฮม ย่านมีนบุรี สถานที่พักอาศัย เพราะมีดีเอ็นเอ ลายนิ้วมือตรงกับนายเมียไรลี และร้านเคมีภัณฑ์ สถานที่ซื้ออุปกรณ์ประกอบระเบิด โดยทำแผนรวมทั้งหมด 12 จุด ส่วนจุดที่ราชประสงค์และหัวลำโพง จะไปวันที่ 9 ก.ย. ตอนช่วงเช้า เนื่องจากต้องฝากขังผู้ต้องหาก่อน 13.00 น. วันเดียวกัน

ใช้ตำรวจดูแลกว่าร้อยนาย

ต่อมาเวลา 16.00 น. เจ้าหน้าที่นำตัวนายเมียไรลีไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ จุดแรกที่พูลอนันต์อพาร์ตเมนต์ ย่านหนองจอก ชี้จุดในห้องพัก 412 และ 414 ซึ่งเป็นห้องที่พบอุปกรณ์ประกอบระเบิด บริเวณปากซอยเชื่อมสัมพันธ์ 13 นายเมียไรลีขึ้นรถตู้โดยสารก่อนต่อรถสองแถวไปตลาดมีนบุรี จุดที่นายยูซูฟูขึ้นรถตู้ สาย ต.21 มีนบุรี-หนองจอก กลับที่พักพูลอนันต์อพาร์ตเมนต์ จากนั้นพาไปที่ไมมูณา การ์เด้นโฮม ย่านมีนบุรี ชี้ห้องพักเลขที่ 9106 จุดที่พบดีเอ็นเอ และลายนิ้วมือแฝงของนายเมียไรลี ซึ่งห้องพักดังกล่าว น.ส.วรรณา สวนสัน หรือไมซาเลาะห์ ใช้ชื่อเปิดห้องพักไว้ จุดสุดท้ายบริษัทเคมีภัณฑ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เลขที่ 4 ซอยนวมินทร์ 74 สถานที่ซื้อสารเคมีใช้ทำระเบิด โดยมีเจ้าหน้าที่หน่วยอรินทราช ทหาร ตำรวจสายตรวจ สน.หนองจอก และ สน.มีนบุรี กว่า 100 นาย ดูแลรักษาความปลอดภัยผู้ต้องหา

ผบ.ตร.ยันยังไม่ได้มือระเบิด

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. กล่าวว่า ตามที่มีข่าวว่ารู้ตัวผู้บงการวางระเบิดบริเวณแยกราชประสงค์ เป็นเรื่องที่พนักงานสอบสวนต้องเป็นผู้ดำเนินการว่า มีความเกี่ยวข้องกับใครอย่างไร ส่วนมีข่าวว่าผู้สั่งการเดินทางออกจากประเทศไทยทางสนามบินสุวรรณภูมิ และการจับกุมชายเสื้อเหลืองก็ยังไม่ได้รับการยืนยัน ถ้าไม่มีการยืนยันก็แสดงว่าไม่มี จากการพูดคุยกับ พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น.ว่า มีข้อมูลในเรื่องเหล่านี้หรือไม่ ทาง พล.ต.ท.ศรีวราห์บอกว่ายังไม่มีความชัดเจน ส่วนมีข่าวว่าผู้ต้องหา 2 คนหลบหนีไปทางประเทศมาเลเซีย ก็ยังเป็นข้อมูลที่รับฟังมา แต่ยังไม่มีหลักฐานยืนยันชัดเจนถึงขนาดนั้น ขบวนการที่ก่อเหตุมีเป็น 10 คน พวกเขาจะรู้จักกันหรือไม่ยังไม่มีการยืนยัน เพราะมีวิธีการลึกลับซับซ้อน ส่งข้อมูลกันผ่านทางระบบโซเชียลฯหรือเทคโนโลยีใหม่ๆ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ต้องใช้ความสามารถเรื่องนี้ให้ได้

พยานหลักฐานมัดผู้ต้องหาแน่น

พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า ผู้ต้องหาจะรับสารภาพหรือไม่ ไม่มีความจำเป็น เพราะมีพยานหลักฐานหลายอย่างจนนำไปสู่การจับกุมหรือแจ้งข้อกล่าวหา ไม่ใช่มีแค่กล้องซีซีทีวี แต่ยังไม่อยากเปิดเผย เพราะเป็นเรื่องที่อยู่ในสำนวนการสอบสวน ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้หลักฐานเยอะสามารถระบุว่า ผู้ต้องหาแต่ละคนมีส่วนร่วมอย่างไร อีกทั้งต้องสืบสวนหาผู้ร่วมขบวนการซึ่งอาจจะมีมากกว่านี้ ส่วนจะให้ระบุชัดเจนว่ามีกี่คน ผู้ต้องหาก็คงจะรู้จักไม่กี่คน เขารู้จักกันแค่ในกลุ่มของเขาที่มาทำงาน แต่ตัวบุคคลที่เกี่ยวข้องอื่นๆ มีการสื่อสารถึงกันแต่อาจไม่รู้จักกันก็ได้ เพราะการรับคำสั่งก็ถ่ายทอดกันมาเป็นทอดๆ คนต้นทางอาจแค่รู้จักกับคนกลางทางแต่ไม่รู้จักกับคนปลายทาง ซึ่งซับซ้อนมีการวางแผน กำหนดวิธีการมาเป็นอย่างดี

ดอดพาตัวไปทำแผนกลางดึก

“ผู้ที่ถูกควบคุมตัวยังไม่ได้รับรายงานว่าจะแจ้งข้อหาอะไรบ้าง บช.น.มีการดำเนินการทุกอย่างก่อนแจ้งข้อหา ต้องดูคำให้การของผู้ต้องหา พยานหลักฐานที่ปรากฏ คำให้การของพยาน ทุกประเด็นจะต้องสอดคล้องกัน เช่น ผู้ต้องหาบอกว่าก่อนเกิดเหตุอยู่ตรงนี้ แต่หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ยืนยันว่าไม่ได้อยู่ ก็ต้องสอบถามกันใหม่ บางครั้งผู้ต้องหาให้การโดยไม่รู้ข้อเท็จจริง เพราะเป็นชาวต่างชาติไม่รู้จักชื่อสถานที่ชัดเจน จึงต้องพาไปชี้ที่เกิดเหตุ การดำเนินการต้องใช้เวลา วันที่ 7 ก.ย. เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้นำตัวผู้ต้องหามาดูที่เกิดเหตุตอนตีสี่ตีห้า เร่งทำงานเพราะ ควบคุมผู้ต้องหาได้แค่ 48 ชั่วโมง” ผบ.ตร.กล่าว

คนขับแท็กซี่เอี่ยวลอบขนต่างด้าว

ผบ.ตร.กล่าวด้วยว่า สอบปากคำคนขับรถแท็กซี่ วันแรกบอกว่ารับผู้ต้องหาที่หน้าตึกชาญอิสสระทาวเวอร์ สอบเข้าอีกทีบอกพระราม 3 แม้แต่คนไทยยังพูดไม่ตรงเลย พอถามไปอีกวันบอกมึนจำไม่ได้แล้ว ไม่รู้ว่าพวกนี้เข้าไปมีส่วนด้วยหรือเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนย้ายชาวต่างชาติ คนขับรถแท็กซี่บางคันบอกว่าไม่รู้จักผู้ต้องหา แต่หลักฐานพบว่าคุยโทรศัพท์กันถึง 20 นาที พอซักมากๆ ก็บอกอยู่ฝั่งธนบุรี แต่มีโทรศัพท์บอกให้ไปรับคนย่านรามคำแหง ตอบเลี่ยงไปเลี่ยงมา เพราะกลัวมีความผิด พูดลึกไปก็อาจจะโดนเสียเอง ต้องต้อนให้จนต่อหลักฐานถึงยอมคายเรื่องจริงออกมา ทราบข้อมูลว่ารับ-ส่งกันบ่อยจนกลายเป็นขาประจำ เขาอาจจะไม่มีส่วนรู้เห็นแต่อยากได้เงินจึงเข้าไปอยู่ในขบวนการโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์กลายเป็นความผิด ดังนั้นพวกที่ให้การอย่าไปเชื่อว่าเป็นเรื่องจริงทั้งหมด คอยดูอยู่ในศาลก็จะพูดอีกอย่างพวกนี้ถูกฝึกมาดี

จ่อโยกย้าย ตม.ชนิดล้างบาง

พล.ต.อ.สมยศกล่าวถึงการตรวจสอบเส้นทางการเงินของกลุ่มผู้ต้องหาด้วยว่า ทาง ปปง.กำลังดำเนินการกันอยู่ ว่าเส้นทางการเงินเป็นอย่างไร อย่างไรก็ตาม ต้องให้ทาง ปปง.ยืนยันมาก่อน ส่วนเรื่องปัญหาใน บช.สตม. ตนได้รับการร้องเรียนจากประชาชนบริษัททัวร์ว่า พวกเขาได้รับผลกระทบ และมีอีกหลายเรื่อง อย่างที่ได้ตำหนิตำรวจ ตม.ไปว่า สิ่งที่ได้ทำกันไปมันส่งผลกระทบกับประเทศชาติ โดยเฉพาะเรื่องความมั่นคง เรื่องดังกล่าวถ้ามีการตรวจพบว่าเป็นความจริงก็ต้องมีการโยกย้าย ส่วนที่ตำรวจบางนายไม่กลัวตน เพราะว่าตนใกล้จะเกษียณอายุราชการ ไม่เป็นไร เพราะ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร.ก็นั่งฟังอยู่ และตนจะรายงาน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ส่วนที่จะต้องมีการย้ายล้างบาง ตนอยากจะให้เป็นอย่างนั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผบ.ตร.ได้รับรายงานว่ามีการเรียกรับเงินที่ผิดกฎหมายเฉพาะในส่วนของสนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมือง สูงถึงวันละ 1.8 ล้านบาทจริง ซึ่งจะได้มีการตรวจสอบต่อไป

ผบช.สตม.แจงมาตรการด่าน ตม.

ด้าน พล.ต.ท.ศักดา ชื่นภักดี ผบช.สตม. กล่าวชี้แจงถึงการตั้งข้อสงสัยในมาตรการของด่าน ตม.ชายแดน เกี่ยวกับความมั่นคงว่า ตม.รับผิดชอบตรวจการเข้าออกประเทศทั้งคนและพาหนะ จุดผ่านแดนที่กฎหมายกำหนด ส่วนแนวชายแดนอื่น เช่น ช่องทางธรรมชาติต่างๆ จะมีหน่วยงานความมั่นคงอื่นรับผิดชอบ ตม.มีมาตรการในการตรวจสอบสกัดกั้นคนต่างด้าว ตรวจพาสปอร์ต และบันทึกข้อมูล เปรียบเทียบกับบัญชีคนต้องห้าม และบันทึกรูปถ่าย ประทับตราอนุญาตเป็นหลักฐาน ทุกราย มีอุปกรณ์ตรวจสอบพาสปอร์ต ตราวีซ่า ตราอนุญาต ด้วยเครื่องมือทันสมัยมาตรฐานสากล และมีการใช้ระบบ CCTV เฝ้าดูพฤติกรรมและการเข้าออกของชาวต่างชาติ รวมถึงตรวจสอบเจ้าหน้าที่ ตม. กรณีที่นำพาคนต่างชาติหลบหนีเข้าออกโดยไม่ผ่านการตรวจ จึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่ชาวต่างชาติมาก่อเหตุร้ายโดยใช้ช่องทางด่าน ตม.ผ่านแดน เพราะจะถูกตรวจสอบและบันทึกข้อมูลเป็นหลักฐาน คนร้ายคดีวางระเบิดถูกจับที่ชายแดนสระแก้ว ไม่มีตราประทับของเจ้าหน้าที่ ตม.ในพาสปอร์ต แสดงว่าไม่ได้ผ่านช่องทางด่าน ตม.

ยกระดับ รปภ.สนามบินเข้มข้น

ศูนย์ติดตามสถานการณ์ คสช. แถลงการณ์เรื่องมาตรการรักษาความปลอดภัยของท่าอากาศยานว่า หลังเกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดบริเวณแยกราชประสงค์ กระทรวงคมนาคมได้สั่งยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัยและตรวจสอบผู้โดยสาร ในท่าอากาศยานทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัดทั้งหมด จากระดับ 3 ปกติ เป็นระดับ 3 ที่เข้มข้นขึ้นจนเกือบถึงระดับ 4 ซึ่งเป็นระดับสูงสุด เพิ่มความเข้มงวดตรวจสอบผู้โดยสารที่เดินทางเข้าออกอย่างละเอียด ทั้งบริเวณอาคารผู้โดยสาร การใช้สุนัขดมกลิ่น ร่วมตรวจสอบ และตรวจเข้มนอกอาคารผู้โดยสาร จัดเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคง ตั้งด่านทางเข้าออกบริเวณสนามบินตลอดเวลา พร้อมเตรียมติดตั้งระบบ Advance Passenger Processing System(APPS) ในวันที่ 30 ธ.ค.นี้ เพื่อช่วยตรวจสอบคัดกรองผู้โดยสารล่วงหน้า ระบบนี้ท่าอากาศยานไทยเรียกเก็บจากผู้โดยสาร 35 บาทต่อคน โดยคิดรวมตั๋วโดยสารที่สายการบินต่างๆ เป็นผู้ดำเนินการจัดเก็บ มาตรการนี้จะช่วยป้องกันปัญหา ชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาก่อเหตุในไทยหรือในประเทศต่างๆแล้ว ยังตรงกับวัตถุประสงค์ขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) อีกด้วย

เอาผิดพวกตัดต่อภาพผู้ต้องหา

เวลา 18.00 น. พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษก คสช. กล่าวถึงความคืบหน้าเหตุระเบิดแยกราชประสงค์ว่า คดีมีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อวันที่ 7 ก.ย. กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยได้ส่งตัว นายเมียไรลี ยูซูฟู ให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อสอบสวนและดำเนินคดีตามกฎหมายตำรวจ ยังได้ออกหมายจับเพิ่มเติมอีกจำนวน 2 ราย คือ นายอับดุลเลาะห์ อับดุลเลาะห์มาน และชายต่างชาติไม่ทราบชื่อที่ปรากฏภาพจากกล้องวงจรปิด ข้อหาร่วมกันมีวัตถุระเบิดในครอบครอง เหตุเกิดที่พูลอนันต์อพาร์ตเมนต์ สรุปแล้วเจ้าหน้าที่ได้ออกหมายจับไปทั้งสิ้น 11 ราย ขอให้มั่นใจเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในการคลี่คลายคดีนี้ แต่ขณะนี้ยังไม่สรุปมูลเหตุจูงใจหรือตัดประเด็นที่อาจเกี่ยวข้องใดๆ จนกว่าจะมีพยานหลักฐานที่ครบถ้วนสมบูรณ์ที่สุด ผู้ที่ใช้สื่อสังคมออนไลน์ที่นำภาพของผู้ต้องหาไปตัดต่อ เชื่อมโยงกับประเด็นทางการเมืองนั้น ขอให้ยุติการกระทำดังกล่าว เพราะก่อให้เกิดความเข้าใจผิด สร้างความแตกแยกในสังคมไทย เจ้าหน้าที่จะพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ตท.เผย “วรรณา” หายต๋อมไร้วี่แวว

ด้านนายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงกรณี น.ส.วรรณา สวนสัน หรือไมซาเลาะห์ ผู้ถูกออกหมายจับคดีระเบิด เคยติดต่อขอมอบตัวกับสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงอังการา ประเทศ ตุรกี ว่า ขณะนี้ยังไม่มีการติดต่อมา และไม่ทราบว่า น.ส.วรรณาอยู่ประเทศตุรกีจริงหรือไม่ น.ส.วรรณา จะอยู่ในประเทศใดนั้น เวลาบุคคลใดไปต่างประเทศแล้วไม่มาแจ้งสถานทูต ไม่มีการลงทะเบียน หรือโทรศัพท์ติดต่อมา จะไม่มีหลักฐานหรือรายการว่าบุคคลนั้นๆอยู่ประเทศใด ยกเว้นมีคนไทยคนอื่นมาแจ้งว่าพบเห็น ทั้งนี้ การขอตรวจลงตราร่วมกับประเทศ ตุรกีก็ทำได้ แต่ต้องไปขอกับทางการตุรกี ยืนยันว่าไทยกับตุรกีมีความสัมพันธ์ที่ดีมาก ส่วน น.ส.วรรณา ขณะนี้ฝ่ายสืบสวนสอบสวนก็ยังไม่ได้ยืนยันว่าเป็นชาวตุรกีหรือไม่

นายกฯชี้ไม่ต้องขึ้นศาลทหาร

ที่ทำเนียบรัฐบาล บ่ายวันเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงผู้ต้องหาคดีระเบิด ต้องขึ้นศาลทหารหรือไม่ว่า ทำไมต้องขึ้นศาลทหาร ศาลปกติมันไม่พอหรือ ได้ตัวผู้ต้องหามาแล้วก็สอบไปเดี๋ยวก็มีอีกเยอะ ไม่ต้องกลัว ทั้งคนไทยและต่างชาติ พันถึงใครก็โดนหมด ทั้งนี้ ยังไม่มีการตัดประเด็นใดออก และถือเป็นคดีร้ายแรง ที่ต้องติดตามจับกุมดำเนินคดีอย่างฉับพลัน ใช้ทุกมาตรการในการดำเนิน การจับกุมสืบสวนสอบสวนเพราะเป็นคดีใหญ่ ไม่มุบมิบๆ ว่าแพะๆ แพะมันหมดตั้งแต่หลังวันที่ 22 พ.ค.57 มันถูกเอาไปใช้หมดแล้ว ตอนนี้ถ้าจะมีก็มีแต่แกะ กินอร่อย ส่วนที่ ผบ.ตร.ระบุว่า ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองรับส่วยนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวน ฝ่ายความมั่นคงเป็นผู้รับผิดชอบ ถ้าเป็นส่วยก็มีมาทุกที่ ทุกเรื่อง ทุกคน ทุกกลุ่ม วันนี้จึงต้องตีเส้นว่าจะทำอย่างไรต่อไป ให้เวลาแก้ไขหรือไม่ ต้องไล่นักการเมืองด้วย เพราะปล่อยกันมาไม่เข้มงวด

เผยโฉมหน้าผู้บงการวางระเบิด

ชุดสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดีระเบิดได้ประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตม. เพื่อตรวจสอบหาภาพนายอาบูดูซาตาเออร์ ดาบูดูเรห์มาน หรืออิซานตามที่นายเมียไรลี ยูซูฟู ให้การซัดทอดว่าเป็นผู้บงการวางระเบิดที่ศาลพระพรหม ย่านราชประสงค์ และเดินทางหลบหนีออกนอกประเทศไทยก่อนเหตุระเบิดเพียง 1 วัน ล่าสุดชุดสืบสวนได้ภาพโฉมหน้าของนายอิซาน ถือพาสปอร์ตสัญชาติจีน โดยเจ้าหน้าที่ตม. ถ่ายรูปไว้ขณะผ่านการตรวจ ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ก่อนเดินทางออกนอกประเทศ

หางานตามสาขาอาชีพ

JOBBKK.COM © สงวนลิขสิทธิ์ All Right Reserved

jobbkk มีเพียงเว็บเดียวเท่านั้น ไม่มีเว็บเครือข่าย โปรดอย่าหลงเชื่อผู้แอบอ้าง และหากผู้ใดแอบอ้าง ไม่ว่าทาง Email, โทรศัพท์, SMS หรือทางใดก็ตาม จะถูกดำเนินคดีตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด DBD

Top