9 เรื่องเล่าสุดประทับใจ ซาบซึ้งน้ำตาไหล พระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 9 (ตอน 3)

  • 11 พ.ค. 2563
  • 1868
หางาน,สมัครงาน,งาน,9 เรื่องเล่าสุดประทับใจ ซาบซึ้งน้ำตาไหล พระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 9 (ตอน 3)

 

จากเรื่องราวแสนประทับใจของหนึ่งในผู้ถวายงานรับใช้เบื้องพระยุคลบาท ล้นเกล้ารัชกาลที่ 9 เรียงร้อยเป็น 9 เรื่องเล่าที่ยังคงติดตรึงอยู่ในหัวใจของชายมุสลิมวัย 72 ปี หรือ ว่าที่ร้อยโทดิลก ศิริวัลลภ ล่ามภาษามลายูประจำพระองค์ ผู้ที่ถวายงานแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ มาเนิ่นนานถึง 42 ปี

ว่าที่ร้อยโทดิลก ศิริวัลลภ ถ่ายทอดเรื่องราวผ่านน้ำเสียงแห่งความตื้นตัน ราวกับเพิ่งถวายงานให้แก่พระราชาและพระราชินีเสร็จสิ้นมาหมาดๆ ซึ่งเรื่องราวที่ผู้อ่านจะได้ทราบนับจากนี้ คือ 9 เหตุการณ์ที่ถูกกลั่นกรองจากหัวใจของ “ล่ามมลายู ประจำพระองค์” ผู้มอบทั้งกายและหัวใจให้แก่พระเจ้าแผ่นดินและพระราชินีอันเป็นที่รัก

ท่านสามารถติดตามอ่านตอนที่ 1 ได้ใน “9 เรื่องเล่าสุดประทับใจ ซาบซึ้งน้ำตาไหล พระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 9 (ตอน 1)” และ “9 เรื่องเล่าสุดประทับใจ ซาบซึ้งน้ำตาไหล พระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 9 (ตอน 2)”

 

ว่าที่ร้อยโทดิลก ศิริวัลลภ ล่ามภาษามลายูประจำพระองค์

เรื่องที่ 7 : ลูกกอ
อีกหนึ่งเรื่องที่ชาวบ้านวิตกกังวลยามที่จะเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ คือ สิ่งของที่จะถวายแด่พระองค์ท่าน เหตุเพราะชาวบ้านต่างคิดกันไปเองว่า สิ่งของที่จะนำไปถวาย ควรเป็นของมีค่าราคาแพง

ว่าที่ร้อยโทดิลก กล่าวถึงพระมหากรุณาธิคุณของทั้งสองพระองค์ว่า “ความเป็นจริงท่านรับได้หมด ไม่ว่าจะเป็นผลไม้ เช่น ลองกอง มะไฟ มะเฟือง กล้วยหวีเดียว ผลไม้เพียงสองถึงสามผล หรือผลไม้ที่ราคาไม่สูง ก็สามารถถวายพระองค์ท่านได้ทั้งหมด”

“เหตุการณ์ที่ผมประทับใจมากที่สุดคือ มีชาวบ้านนำลูกกอ หรือเกาลัดภาคใต้ มาถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่ลูกกอที่ชาวบ้านนำมาถวายนั้น มีเพียงไม่กี่ผลเท่านั้น ชาวบ้านผู้นั้นจึงลังเลว่า จะถวายแด่พระเจ้าอยู่หัวดีหรือไม่ แต่พระเจ้าอยู่หัวทรงตรัสว่า จะให้หรือไม่ให้เรา ชาวบ้านทูลว่า ผลไม้นี้คือลูกกอ แต่ฉันมีมาน้อย” ว่าที่ร้อยโทดิลก จดจำเหตุการณ์ได้ดี

“พระองค์ ทรงตรัสกับชาวบ้านผู้นั้นว่า ลูกๆ ฉันชอบลูกกอ ฉันก็ชอบ พร้อมรับลูกกอจากชาวบ้านที่มีเพียงน้อยนิดใส่กระเป๋าสะพายของพระองค์ และตรัสอีกว่า จะนำไปคั่วเอง และจะให้ลูกๆ ได้ทาน”

เมื่อชาวบ้านผู้นั้นเห็นว่า ในหลวงทรงหยิบลูกกอใส่กระเป๋าทันที ชาวบ้านผู้นั้นดีใจมาก เพราะโดยปกติแล้ว สิ่งของที่พระเจ้าอยู่หัวรับถวายมานั้น ทหารองครักษ์จะมีหน้าที่เก็บ แต่ครั้งนี้พระองค์ท่านนำใส่กระเป๋าของพระองค์ท่านเอง

 

ว่าที่ร้อยโทดิลก ด้วยวัย 72 ปี

เรื่องที่ 8 : เมตตาเปี่ยมล้น
ว่าที่ร้อยโทดิลก ตามเสด็จฯ มานานถึง 42 ปี ซึ่งมีอยู่หนึ่งเหตุการณ์ที่ยังคงจดจำจวบทุกวันนี้ ซึ่งมีอยู่วันหนึ่งหลังจาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เจ้าฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ฯ กำลังเสด็จพระราชดำเนินกลับจากปัตตานี

ว่าที่ร้อยโทดิลก ย้อนเล่าไปถึงเหตุการณ์หนึ่งที่จำได้มิรู้ลืมว่า “เมื่อขบวนเสด็จกำลังเคลื่อนผ่านบริเวณสามแยกเรือนจำกลางนราธิวาส มีคนเมาขับรถมอเตอร์ไซค์ ฝ่าตำรวจจราจรที่ยืนรักษาความปลอดภัยตามจุดต่างๆ ตามเส้นทางเสด็จ โดยพุ่งตรงมาอย่างเร็วที่รถยนต์พระที่นั่งที่พระเจ้าอยู่หัวทรงประทับ พระเจ้าอยู่หัวทรงหยุดรถ ส่วนรถมอเตอร์ไซค์คันนั้น ขับไปชนล้อของรถยนต์พระที่นั่ง สมเด็จพระนางเจ้าฯ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เจ้าฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ฯ รีบเสด็จลงมาดูผู้ที่ขับมอเตอร์ไซค์ชนในทันที ว่าคนผู้นั้นได้รับบาดเจ็บอย่างไรบ้าง”

“ส่วนคนเมาพูดเสียงดังลั่นได้ยินไปทั่วกันว่า ผมตายไหมเนี่ย โดยที่ยังไม่รู้ว่ารถที่พุ่งเข้าไปชนนั้นเป็นรถของใคร พร้อมๆ กันกับเสียงขึ้นลำกล้องของทหารติดตามเสด็จเตรียมพร้อมอารักขาดังระงมไปทั่วบริเวณ สมเด็จพระนางเจ้าฯ รับสั่งในทันทีว่า อย่ายิงเขา เราต้องช่วยเขา” ว่าที่ร้อยโทดิลก กล่าวถึงเหตุการณ์ครั้งเก่าก่อนอย่างละเอียด

“ขณะที่ สมเด็จพระนางเจ้าฯ และเจ้าฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ฯ ช่วยติดต่อไปทางโรงพยาบาล เพื่อให้นำเปลมาเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บ และเมื่อรถของทางโรงพยาบาลมาถึง สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ และเจ้าฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ฯ ยังทรงถือถุงน้ำเกลือขึ้นรถพยาบาลให้ผู้บาดเจ็บ โดยที่ไม่ถือพระองค์เลย” ว่าที่ร้อยโทดิลก ประทับใจในน้ำพระทัยของทุกพระองค์

แม้ว่า ผู้บาดเจ็บเป็นข้าราชการผู้หนึ่ง ซึ่งทุกพระองค์สามารถเอาโทษได้ แต่ทุกพระองค์ทรงมีพระเมตตาไม่ถือโทษโกรธชังข้าราชการผู้นั้นแต่อย่างใด

 

ว่าที่ร้อยโทดิลก ถวายงานมานานกว่า 42 ปี

เรื่องที่ 9 : ศาสแตกต่าง แต่สอดผสานสามัคคี
ครั้งแรกๆ ที่พระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินยังชายแดนภาคใต้นั้น ชาวบ้านจะเกิดอาการกังวล ไม่กล้านั่งแถวหน้าๆ เนื่องจากพูดภาษามลายูได้ แต่ใช้ภาษาไทยไม่เป็น รวมทั้งกลัวพระองค์ท่านดุ เพราะแต่งเน้ือแต่งตัวโดยใช้เสื้อผ้าเก่าๆ และมีกลิ่นตัวจากการทำงาน

ว่าที่ร้อยโทดิลก กล่าวอย่างตื้นตันว่า “ในความเป็นจริงแล้วนั้น ไม่จำเป็นที่คนพุทธต้องอยู่หน้า การแต่งกายก็ตามสบาย สีอะไร กลิ่นอะไร ท่านไม่สนพระทัย พระองค์ท่านทรงเมตตา จับเนื้อต้องตัวประชาชนเองโดยไม่ถือพระองค์ ทำให้ประชาชนมีความซาบซึ้งเป็นอย่างมาก”

สิ่งที่สำคัญอีกหนึ่งประการของศาสนาอิสลาม ก็คือ เรื่องอาหารการกิน แต่พระเจ้าอยู่หัวทรงมีความรู้และใส่ใจในเรื่องของการปฏิบัติตัวของคนมุสลิมเป็นอย่างดี

“หากเวลาเชิญผู้นำศาสนามาร่วมโต๊ะเสวย พระองค์ท่านทรงสั่งภาชนะต่างๆ จากกรุงเทพฯ ใหม่ทั้งหมด ทั้งหม้อข้าว ถ้วย ชาม เนื่องจากเกรงว่า ภาชนะนั้นๆ จะมีร่องรอยที่เคยใส่อาหารที่ชาวมุสลิมไม่รับประทานมาก่อน และอาจจะทำให้ชาวบ้านรับประทานได้อย่างไม่สนิทใจ”

ส่วนผู้ปรุงอาหาร พระเจ้าอยู่หัวได้รับสั่งให้แม่ครัวชาวมุสลิม เข้ามาทำอาหาร เพื่อให้ผู้นำศาสนาและประชาชนของพระองค์ รับประทานได้อย่างสบายใจ

ว่าที่ร้อยโทดิลก จดจำคำของชาวบ้านผู้หนึ่งได้ว่า “พระองค์ท่านทรงลึกซึ้งมาก จนชาวบ้านเอ่ยปากว่า เวลาไปทานข้าวบ้านข้าราชการ บางครั้งรับประทานไม่สบายใจเท่ามารับประทานในพระราชวังเลย”

หางานตามสาขาอาชีพ

JOBBKK.COM © สงวนลิขสิทธิ์ All Right Reserved

jobbkk มีเพียงเว็บเดียวเท่านั้น ไม่มีเว็บเครือข่าย โปรดอย่าหลงเชื่อผู้แอบอ้าง และหากผู้ใดแอบอ้าง ไม่ว่าทาง Email, โทรศัพท์, SMS หรือทางใดก็ตาม จะถูกดำเนินคดีตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด DBD

Top