ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ว่า ในการประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือชาวนาที่อาจได้รับผลกระทบจากราคาข้าวนาปี ปี 57/58 ตกต่ำ จัดโดยกรมการข้าวว่า ได้มีการหารือถึงการที่กระทรวงพาณิชย์ออกประกาศเชิญชวนผู้ประกอบการโรงสีข้าวให้เข้าร่วมโครงการรับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกรในราคานำตลาดเฉลี่ยตันละ 100-200 บาท โดยรัฐบาลจะสนับสนุนส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย 3% เพื่อให้โรงสีเก็บข้าวไว้ 3 เดือนก่อนนำออกมาขายนั้น ขณะนี้มีโรงสีที่เข้าร่วมโครงการแล้ว คิดเป็นปริมาณข้าวที่จะเก็บ 2.8 ล้านตัน จากการประกาศรับสมัครในช่วงเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา คาดว่าจะมีโรงสีเข้าร่วมโครงการเพิ่มขึ้น เพราะจะสิ้นสุดการสมัครวันที่ 30 ก.ย.นี้
สำหรับข้าวเปลือกที่คาดว่าจะออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือน พ.ย. นี้เป็นต้นไป จะมีปริมาณรวม 28 ล้านตันข้าวเปลือก หรือไม่ต่ำกว่า 14 ล้านตันข้าวสาร ถือเป็นสัดส่วนที่น้อยมากหากรัฐต้องการใช้มาตรการดังกล่าวเพื่อผลักดันราคาตลาดให้สูงขึ้น เพราะไม่สามารถดึงผลผลิตออกจากตลาดได้มากพอ และหากจะทำให้ราคาข้าวเป็นไปตามเป้าหมายที่ตันละ 8,500-9,000 บาท อาจเป็นเรื่องที่ยากเกินไป
ส่วนสาเหตุที่โรงสีไม่สนใจร่วมโครงการ น่าจะมาจากเงื่อนไขไม่จูงใจพอ เพราะโรงสีต้องซื้อราคานำตลาดที่จะประกาศแต่ละสัปดาห์เป็นรายจังหวัด เพื่อใช้เป็นเกณฑ์ในการซื้อ และจะให้บวกเพิ่มจากราคาที่ประกาศตั้งแต่ตันละ 100-200 บาท ซึ่งโรงสีต้องไปกู้เงินจากธนาคารเพื่อนำมาจ่ายให้ชาวนา แม้รัฐจะชดเชยดอกเบี้ยให้ แต่ก็ยังไม่คุ้มเพราะต้องมีภาระการจัดเก็บ อย่างไรก็ตาม อาจต้องเพิ่มแรงจูงใจให้มากขึ้น เพื่อให้โรงสีเข้าร่วมโครงการมากขึ้น
สำหรับสถานการณ์ราคาข้าวในปัจจุบัน ราคาข้าวสารเจ้าตันละ 12,300 บาท ลดลงจากตันละ 13,000 บาทจากสัปดาห์ก่อน หรือลดลงเฉลี่ยตันละ 700 บาท ทำให้โรงสีบางรายต้องปิดการซื้อข้าวจากชาวนาไว้ก่อน ทั้งที่มีข้าวบางส่วนกำลังออกสู่ตลาดในช่วงเดือน ก.ย.นี้ ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา ส่งผลให้ราคาข้าวเปลือกเฉลี่ยปัจจุบันอยู่ที่ตันละ 8,000 บาท ส่วนข้าวความชื้นสูง (ข้าวสด) ราคาต่ำกว่าตันละ 7,000 บาท.
ขอขอบคุณข่าว และภาพข่าว : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐออนไลน์
หางานตามสาขาอาชีพ
JOBBKK.COM © สงวนลิขสิทธิ์ All Right Reserved
jobbkk มีเพียงเว็บเดียวเท่านั้น ไม่มีเว็บเครือข่าย โปรดอย่าหลงเชื่อผู้แอบอ้าง และหากผู้ใดแอบอ้าง ไม่ว่าทาง Email, โทรศัพท์, SMS หรือทางใดก็ตาม จะถูกดำเนินคดีตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด 
