วันที่ฉันไม่ผ่านโปรฯ

  • 11 พ.ค. 2563
  • 2596
หางาน,สมัครงาน,งาน,วันที่ฉันไม่ผ่านโปรฯ

“เสียใจด้วย น้องไม่ผ่านประเมินการทำงาน”

คนเราต้องมีจิตใจแกร่งกล้าขนาดไหน ถึงจะสามารถพูดประโยคนี้กับ “พนักงานทดลองงาน” คนแล้วคนเล่าได้...ฉันถามตัวเอง “น้องมีเวลา 15 วันหลังจากนี้ ในเดือนสุดท้าย เพื่อที่จะไม่ครบ 119 วันตามกฎหมาย ดังนั้น วันสุดท้ายของน้องคือ...” เสียงของผู้จัดการแผนกทรัพยากรบุคคลยังพูดต่อไป หูสองข้างของฉันไม่ทำงานตามปรกติหลังจากนี้ มันเหมือนมีเสียงวิ้ง วิ้ง วิ้ง วิ้ง อยู่ในประสาทส่วนรับเสียงของฉัน เอาฉันไปสาบานที่ไหนก็ได้ว่า ณ ขณะนั้น ฉันไม่ได้ยินอะไรเลย

 

หลังจากวินาทีนั้น ฉันเดินออกจากห้องพี่เขาด้วยดวงตาที่พร่าพรายด้วยน้ำตา ในสมองมีแต่คำว่า ทำไม ทำไม ทำไม วนเวียนไปมา แต่ก็นับเป็นเรื่องมหัศจรรย์ที่ฉันสามารถประคองตัวเองกลับขึ้นรถตู้ประจำทางเพื่อกลับห้องพักได้อย่างปรกติ โดยไม่โดนรถเฉี่ยวชนให้ตายๆ ไป...อย่างใจหวัง

 

ฉันเป็นบัณฑิตเกียรตินิยม ฉันจบการศึกษาด้วยเกรดเฉลี่ย 3.80 ฉันใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างมีประสิทธิภาพ วิชาภาษาอังกฤษทั้งหมดในทรานสคริปต์ของฉันไม่มีเกรดอื่นใดนอกจาก A ฉันมีคะแนนโทอิค 710 คะแนนเป็นของประกอบบุญ ทั้งๆ ที่เป็นการสอบครั้งแรกในชีวิต ฉันทำงานอย่างทุ่มเท ฉันใช้ความสามารถทั้งหมดที่มีในการทำงาน ฉันมีเพื่อนมากมายในออฟฟิศ ฉันเป็นสมาชิกที่ดีของทีมในแผนก ฉันเข้าได้กับทุกคนในบริษัท

 

ทำไมบริษัทถึงทำแบบนี้กับฉันได้ ทำไมพี่ที่ประเมินถึงตัดสินใจเลือกอีกคนนึงที่เริ่มฝึกงานพร้อมๆ กันไว้ ทำไมพี่เค้าไม่เลือกฉัน ทำไมโลกโหดร้าย ทำไมเรื่องนี้ต้องเกิดขึ้นกับฉัน ฉันรักบริษัทนี้ ฉันรักเพื่อนร่วมงานทุกคน ฉันอยากทำงานที่นี่ตั้งแต่แรก จึงเป็นบริษัทแรกๆ ในชีวิตที่ฉันวอล์กอินเข้ามาสมัครงานหลังจากเรียนจบได้ไม่กี่วัน

 

ฉันยังจำได้ถึงวินาทีที่พี่คนเดียวกันกับข้างต้นบอกว่า ฉันได้งาน ฉันกรี๊ดเสียงดังลั่นลิฟต์อย่างไม่อายใคร ฉันน้ำตาคลอโทรบอกแม่จ้าละหวั่น งานนี้เป็นงานแรกในชีวิตการทำงานของฉัน ฉันยังจำได้ถึงวันนั้น...วันที่โลกเป็นสีเจิดจ้าสดใส

 

แต่เพียงเวลา 3 เดือน 15 วัน วันนี้โลกของฉันกลายเป็น ‘ขาวดำ’ ไปสิ้น

ฉันขังตัวเองในอพาร์ตเมนต์ของฉันตั้งแต่วันนั้น ฉันร้องไห้ ฉันผิดหวัง ฉันเสียใจ หลังจากนั้นความรู้สึกทั้งหมดแปรเป็นความกลัว ฉันกลัวการต้องออกไปข้างนอก ฉันกลัวการต้องออกไปสมัครงานใหม่ ฉันไม่กล้าคิดว่าตัวเองเก่ง ฉันไม่กล้าคิดว่าตัวเองเจ๋ง ฉันไม่กล้าภูมิใจกับ 'เกียรตินิยม' ที่ได้มายากแสนยากอีกต่อไป และฉันไม่กล้าเอ่ยปากโทรบอกแม่แม้เพียงครึ่งคำ

 

ฉันเริ่มใช้เวลาที่มีเก็บข้าวของประดามีในห้องอย่างไร้จุดหมาย หนังสือมากมายที่วางระเกะระกะตั้งแต่เรียนจบ เสื้อผ้าที่วางทิ้งไว้เต็มห้องไปหมด เครื่องสำอางที่หกเรี่ยราดหน้ากระจกแต่งตัว ฉันเริ่มจัดข้าวของเหล่านั้นให้เข้าที่ ฉันเช็ด ล้าง ทำความสะอาดทุกสิ่งทุกอย่างในห้อง ฉันแพ็กชุดนักศึกษาลงลังเผื่อบริจาค ฉันเก็บหนังสือเรียนที่มั่นใจแล้วว่าจะไม่ใช้ต่อไปอีกออกทิ้ง เอาจริงๆ ฉันตอบไม่ได้ว่าทำไปทำไม แต่เหมือนเป็นการทำไปเพื่อยืดเวลาที่จะต้องออกไปเผชิญโลกของการทำงานอีกครั้งเท่านั้นเอง

 

รายการสุดท้าย...ฉันเช็ดกระจกใหญ่เต็มตัวที่ฉันซื้อมาจากจตุจักรด้วยความระมัดระวังยิ่ง

ฉันสบตากับผู้หญิงวัยใกล้จะเบญจเพสในกระจก ผู้หญิงในกระจกที่สบตากลับออกมามีขอบตาดำคล้ำ ริมฝีปากแห้งผาก ร่างกายผอมผ่าย ผมแห้งกระเซอะกระเซิง ผิวเสียโรยรา ผู้หญิงคนนั้นมีสภาพไม่ต่างไปจากผีซาดาโกะ น่ากลัวและทรุดโทรมจนแม้แต่ตัวเองก็ตกใจ

 

ผู้หญิงคนนั้นสบตากับฉันนิ่งและนาน เหมือนจะถามว่าสำรวจภายนอกกันแล้ว สำรวจ 'ภายใน' ด้วยหรือยัง ฉับพลันนั้นฉันนึกย้อนไป...ที่ว่าทุ่มเทกับงาน หมายความแค่ว่าเข้าทำงานแต่เช้าก็จริง แต่กลับห้าโมงเย็นเป๊ะทุกวันหรือเปล่า ที่ว่าทำงานเต็มความสามารถแต่ที่บางทีก็เปิดเน็ตลอยไปลอยมาเป็นชั่วโมงแล้วค่อยกลับมาทำงานต่อก่อนกลับบ้านเพื่อปิดงานให้จบตามกำหนดไปวันๆ นั่นใช่ฉันไหม บางคืนวันอาทิตย์ปาร์ตี้กับเพื่อนๆ มหาวิทยาลัยจนดึกดื่นแล้วไปทำงานไม่ไหวในเช้าวันจันทร์ จนต้องโทรไปลาป่วยเป็นเวลาสองจันทร์ตลอดสามเดือนครึ่งนั้นใช่ฉันคนนี้หรือไม่ นึกถึงการโต้ตอบกันไปมาแบบเด็กๆ กับเพื่อนร่วมงานเวลามีข้อขัดแย้งนั่นดูเป็น 'มืออาชีพ' แล้วหรือนั่น

 

ฉันได้คำตอบจากคำถามเมื่อยี่สิบวันก่อนแล้ว คำถาม ทำไม ทำไม ทำไม ที่ก้องอยู่ในหูในวันนั้น ฉันได้รับคำตอบที่กระจ่างแจ้งแล้ว ถึงตรงนี้ฉัน 'กล้า' เปิดโทรศัพท์มือถืออีกครั้ง ด้วยดวงตาที่เห็นตัวเองในแง่มุมที่เปลี่ยนไป เห็นโลกที่ในแง่มุมที่เปลี่ยนไป

 

ฉันพบข้อความให้กำลังใจจากเพื่อนร่วมทีมในบริษัทนั้นมากมาย ฉันได้รับโทรศัพท์นัดให้ไปสัมภาษณ์งานอีกหลายต่อหลายแห่งที่ค้นพบเรซูเม่ฉันจากเว็บไซต์หางาน ฉันโทรบอกความจริงทั้งหมดให้แม่ทราบ แม่รับฟังอย่างสงบพร้อมทั้งบอกว่าดีใจที่ฉันยอมรับสิ่งเหล่านี้ ที่เหนืออื่นใดนั้น ฉันได้ห้องพักที่สะอาดสะอ้านน่าอยู่ เหมาะเป็นอย่างยิ่งที่จะ 'เปิดประตู' ออกไปสู่โลกของการทำงานอีกครั้ง ฉันพร้อมแล้วที่จะก้าวออกไป ฉันไม่กลัวอะไรอีกแล้ว 

 

เพราะโลกแห่งความจริงนั้นไม่ได้โหดร้าย เพียงแต่เป็นตัวฉันเองนั้นตาบอด

และฉันพร้อมแล้วที่จะทำให้ดีกว่าเก่า...with a brand new me

CR:adaymagazine.com,กอขวัญ จันทโรบล

หางานตามสาขาอาชีพ

JOBBKK.COM © สงวนลิขสิทธิ์ All Right Reserved

jobbkk มีเพียงเว็บเดียวเท่านั้น ไม่มีเว็บเครือข่าย โปรดอย่าหลงเชื่อผู้แอบอ้าง และหากผู้ใดแอบอ้าง ไม่ว่าทาง Email, โทรศัพท์, SMS หรือทางใดก็ตาม จะถูกดำเนินคดีตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด DBD

Top