"จิตวิทยาตีเนียน" ความเงียบที่ใช้รับมือ ปัญหาจาก "คน" ในที่ทำงาน

  • 16 Jun 2025
  • 1454
 #จิตวิทยาตีเนียน #ความเงียบคือพลัง #JOBBKK #ทำงานอย่างชาญฉลาด #ความสงบในออฟฟิศ #หางาน #สมัครงาน

 

ในสมรภูมิออฟฟิศที่เต็มไปด้วยความหลากหลายของ "คน" บางครั้งการเผชิญหน้าโดยตรงอาจไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุด  บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจพลังของ "ความเงียบ" ในเชิงจิตวิทยา เพื่อใช้รับมือกับปัญหาที่มาจากเพื่อนร่วมงาน เจ้านาย หรือลูกน้อง อย่างชาญฉลาดและ "ตีเนียน" 

 

เมื่อ "ความเงียบ" กลายเป็นอาวุธลับ:

ความเงียบไม่ได้หมายถึงการยอมแพ้หรือหลีกเลี่ยงปัญหาเสมอไป ในทางจิตวิทยา อ้างอิงจากหนังสือ  จิตวิทยาตีเนียน (เพื่อจัดการคนน่ารำคาญ) จาก สำนักพิมพ์: อมรินทร์ How to ได้บอกว่าความเงียบสามารถเป็นเครื่องมืออันทรงพลังในการควบคุมสถานการณ์และรักษาความสงบของเราได้ ดังนี้:

 

  •  สร้างพื้นที่ให้ตัวเองได้คิดทบทวน: เมื่อเผชิญหน้ากับคำพูดหรือพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ การตอบโต้ทันทีด้วยอารมณ์อาจนำไปสู่ความขัดแย้งที่บานปลาย การเลือกที่จะ "เงียบ" สักครู่ จะช่วยให้เรามีเวลาตั้งสติ ประมวลผลข้อมูล และคิดหาแนวทางรับมือที่เหมาะสมที่สุด

  •  สื่อสารโดยไม่ต้องพูด: ความเงียบสามารถสื่อสารได้หลายอย่าง เช่น ความไม่เห็นด้วย ความไม่พอใจ หรือความต้องการพื้นที่ส่วนตัว บางครั้งการไม่ตอบสนองต่อพฤติกรรมที่
    ไม่เหมาะสม อาจเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนกว่าคำพูดเสียอีก ว่าเราจะไม่เล่นตามเกมของเขา

  •  รักษาพลังงานและลดความขัดแย้ง: การโต้เถียงหรือพยายามเอาชนะกับ "คน"
    บางประเภท อาจเป็นการสูบพลังงานโดยใช่เหตุ การเลือกที่จะ "เงียบ" และถอยออกมา จะช่วยรักษาพลังงานทางอารมณ์ของเรา และหลีกเลี่ยงการเข้าไปพัวพันกับความขัดแย้งที่ไม่จำเป็น

  • สังเกตการณ์และรวบรวมข้อมูล: ความเงียบช่วยให้เรามีโอกาสสังเกตพฤติกรรมของอีกฝ่ายอย่างละเอียด โดยไม่มีอคติจากอารมณ์ของเรา ทำให้เราเข้าใจแรงจูงใจและรูปแบบ
    การกระทำของเขาได้ดีขึ้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการวางแผนรับมือในระยะยาว

  •  ปกป้องขอบเขตส่วนตัว: ในสถานการณ์ที่ถูกรุกล้ำหรือถูกกดดัน การ "เงียบ" และไม่ตอบสนองต่อคำถามหรือข้อเรียกร้องที่ไม่สมเหตุสมผล เป็นการแสดงออกถึงการรักษาสิทธิและขอบเขตส่วนตัวของเรา

เทคนิค "จิตวิทยาตีเนียน" ด้วยความเงียบ:

  • "The Paused Response": เมื่อถูกกระตุ้น อย่าตอบโต้ทันที เว้นช่วงสักครู่ (2-3 วินาที) ก่อนที่จะพูดหรือแสดงท่าทีใดๆ การหยุดนี้จะช่วยให้คุณควบคุมอารมณ์และเลือกคำพูดที่เหมาะสม

  • "The Neutral Silence": ในสถานการณ์ที่ไม่ต้องการให้ความเห็นหรือเข้าไปมีส่วนร่วม การคงไว้ซึ่งสีหน้าและท่าทางที่เป็นกลาง พร้อมกับความเงียบ จะช่วยลดการถูกดึงเข้าไปในปัญหา

  • "The Observational Silence": เมื่อมีสถานการณ์ความขัดแย้งเกิดขึ้น
    ลองเป็นผู้สังเกตการณ์เงียบๆ รวบรวมข้อมูลและทำความเข้าใจพลวัตของสถานการณ์
    ก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะเข้าไปแทรกแซงหรือไม่

  • "The Boundary Silence": เมื่อถูกถามคำถามที่ไม่ต้องการตอบ หรือถูกกดดันในเรื่องส่วนตัว การตอบด้วยความเงียบ หรือการเปลี่ยนเรื่องอย่างนุ่มนวล เป็นการรักษาระยะห่างที่เหมาะสม

  • "The Strategic Withdrawal": หากสถานการณ์เริ่มตึงเครียดและไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น การเลือกที่จะ "เงียบ" และถอยออกจากสถานการณ์นั้น อาจเป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาดที่สุด

 ข้อควรระวังในการใช้ "ความเงียบ":

แม้ว่าความเงียบจะมีประโยชน์ แต่การใช้อย่างไม่เหมาะสมก็อาจสร้างความเข้าใจผิดหรือทำให้สถานการณ์แย่ลงได้ ควรพิจารณาบริบทของสถานการณ์ ความสัมพันธ์กับบุคคลนั้น และเป้าหมายของการสื่อสารของเราเสมอ บางครั้งการสื่อสารอย่างตรงไปตรงมาและชัดเจนก็ยังคงเป็นทางออกที่ดีที่สุด

ดังนั้น "จิตวิทยาตีเนียน" ด้วยการใช้ "ความเงียบ" อย่างมีสติ เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือสำคัญในการรับมือกับปัญหาที่มาจาก "คน" ในที่ทำงาน การเรียนรู้ที่จะใช้ความเงียบให้เป็น จะช่วยให้คุณรักษาความสงบภายใน ปกป้องพลังงาน และนำทางสถานการณ์ที่ซับซ้อนได้อย่างชาญฉลาดมากขึ้น ลองนำเทคนิคเหล่านี้ไปปรับใช้ เพื่อสร้างสมดุลและความสุขในการทำงานของคุณดูนะ 

 

JOBBKK.COM © Copyright All Right Reserved

Jobbkk has only one website. In no case, we have an affiliate, agent or appointee. Please do not rely on any other website, email, telephone, SMS or other contacting channel. If it is a case, we will prosecute under a lawsuit in the upmost as allowed. DBD

Top