รับสั่ง'เราดูอยู่' กำลังใจช้างศึก

  • 11 พ.ค. 2563
  • 956
หางาน,สมัครงาน,งาน,รับสั่ง'เราดูอยู่' กำลังใจช้างศึก

ทำให้ไทยพิชิตชัย ยอดอัดฉีดพุ่ง34ล.

ขุนพลนักเตะ “ช้างศึก” ทีมชาติไทย พร้อมใจถวายพระพร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ รพ.ศิริราช ท่ามกลางการต้อนรับของแฟนบอลเนืองแน่นเหมือนเดิม “นพ.อุดม” เผยในหลวงทอดพระเนตรศึกฟุตบอลซูซูกิคัพ 2014 รอบชิงชนะเลิศทั้ง 2 นัด และทรงให้รองราชเลขาธิการโทรศัพท์ไปให้กำลังใจทีมชาติไทย โดยรับสั่งว่า “เราดูอยู่และขอเป็นกำลังใจให้” จนทำให้ทีมคว้าแชมป์กลับมา ขณะที่ยอดเงินอัดฉีดล่าสุดทะยานไปที่ 34 ล้านบาท และเตรียมนำถ้วยแชมป์ ไปจัดแสดงที่สยามพารากอน ให้ประชาชนได้สัมผัส วันที่ 24-28 ธ.ค.นี้ ส่วนการจัดเลี้ยงฉลองแชมป์ นายกฯบอกให้รอกลับจากจีนก่อน

ความเคลื่อนไหวของขุนพล “ช้างศึก” ทีมชาติไทย หลังคว้าแชมป์ศึกฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2014 จากการเอาชนะ “เสือเหลือง” มาเลเซีย ไปได้ด้วยประตูรวม 4-3 โดยหลังเดินทางกลับถึงประเทศไทย เมื่อบ่ายวันอาทิตย์ที่ผ่านมา นักเตะไทยได้รับการต้อนรับจากแฟนบอลชาวไทยล้นหลามตลอดเส้นทางที่รถเปิดประทุน 2 ชั้นวิ่งผ่านไปตามเส้นทางสนามบินดอนเมืองถึง สนามกีฬาแห่งชาติ

ล่าสุดเมื่อวันที่ 22 ธ.ค. ที่ผ่านมา เวลา 10.00 น. ที่ศาลาศิริราช 100 ปี โรงพยาบาลศิริราช พ.อ. (พิเศษ) วรวุฒิ ทองศรีงาม เลขาธิการสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ นายเกษม จริยวัฒน์วงศ์ ผู้จัดการทีมชาติไทย “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง โค้ชทีมชาติไทย นำขุนพล “ช้างศึก” ชุดแชมป์เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2014 อาทิ กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ ผู้รักษาประตู และกัปตันทีม ชนาธิป สรงกระสินธ์ เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์ นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม เป็นต้น นำแจกันดอกไม้มาทูลเกล้าฯถวาย พร้อมกับลงนามถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

โดยทันทีที่คณะนักฟุตบอลทีมชาติไทยเดินทางมาถึงยังโรงพยาบาลศิริราช มีแฟนบอลจำนวนมาก พยายามใกล้ชิดกับนักฟุตบอลและคณะผู้ฝึกสอน รวมถึงเข้าไปขอถ่ายรูปอย่างแน่นขนัด จนเกิดความโกลาหลพอสมควร ก่อนที่คณะนักฟุตบอลไทยจะฝ่าวงล้อมแฟนบอลเข้าไปสักการะพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก บริเวณด้านหน้าอาคารศิริราช 100 ปี ก่อนนำถ้วยแชมป์เข้าไปร่วมถวายพระพร ท่ามกลางแฟนบอลจำนวนมากที่ยังคงตามขอถ่ายรูปเช่นเดิม

จากนั้น “ซิโก้” เกียรติศักดิ์กล่าวด้วยสีหน้าภาคภูมิใจว่า รู้สึกสุดยอดมากและดีใจมากที่นักเตะไทยสามารถคว้าแชมป์ในการแข่งขันครั้งนี้มาฝากแฟนบอลชาวไทย เมื่อกลับมาถึงจึงได้พานักเตะมาทูลเกล้าฯถวายพระพรในหลวง ขอให้ทรงมีพระวรกายแข็งแรงยิ่งๆขึ้น

ด้าน ศ.คลินิก นพ.อุดม คชินทร คณบดีคณะ แพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ที่ศิริราชวันนี้เต็มไปด้วยแฟนบอลที่มาให้กำลังใจนักฟุตบอลทีมชาติไทย ที่ทุกคนทราบข่าวว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีรับสั่งให้รองราชเลขาฯ โทรศัพท์ไปให้กำลังใจนักเตะไทย ขอยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง ก่อนหน้านี้คณะแพทย์ได้กราบบังคมทูลช่วงเช้าก่อนที่จะเริ่มแข่งขันในเวลา 19.00 น. พระองค์ท่านทรงตั้งพระทัยที่จะทอดพระเนตรเป็นอย่างมาก หลังจากที่ทรงตื่นจากบรรทม มีรับสั่งให้พยาบาล

ผู้ถวายงานเปิดทีวีเพื่อติดตามการถ่ายทอดสด พระองค์ทรงตั้งพระราชหฤทัยในการทอดพระเนตรทีมชาติไทยมาโดยตลอด ทั้งนัดที่ทีมชาติไทยแข่งกับมาเลเซียในเมืองไทย รวมถึงครั้งที่ไปแข่งที่มาเลเซีย พอช่วงเวลาพักครึ่งแรก ทีมไทยตามหลังมาเลเซียอยู่ 0-2 นั้น พระองค์ทรงห่วงทีมชาติไทยมาก รับสั่งให้ตามนายวุฒิ สุมิตร รองราชเลขาธิการมาเฝ้า โดยมีพระราชประสงค์ให้โทรศัพท์ไปหาผู้จัดการทีมชาติไทยว่า “เราดูอยู่และขอส่งกำลังใจไปให้” ซึ่งเป็นสิ่งที่แสดงถึงความห่วงใยของพระองค์อย่างแท้จริง ถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณ ที่ทำให้ทีมชาติไทยคว้าแชมป์ได้ในครั้งนี้ อีกทั้งเป็นสิ่งที่ทำให้คนไทยมีความสุขในช่วงปีใหม่นี้ เพราะเราได้แชมป์ในรอบ 12 ปี

คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล กล่าวว่า ตนได้ตัดคลิปที่ผู้จัดการทีมชาติไทยนำถ้วย รางวัลทูลเกล้าฯถวาย หน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ประเทศมาเลเซีย พร้อมกับร้องเพลงสดุดีมหาราชา นำขึ้นทูลเกล้าฯถวาย เพื่อฉายให้พระองค์ทอดพระเนตรด้วย อย่างไรก็ตามทางผู้จัดการทีมชาติไทยแจ้งว่า อยากจะนำถ้วยรางวัลขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย ตนจึงขอให้ทางสมาคมฟุตบอลทำเรื่องกราบบังคมทูล ผ่านทางราชเลขาธิการ เพื่อขอ พระราชทานเข้าเฝ้าฯ เพื่อทูลเกล้าฯถวายถ้วยรางวัลดังกล่าว

“เมื่อทีมชาติไทยสามารถคว้าแชมป์ครั้งนี้ได้ พระองค์ก็แย้มพระสรวล ถ้าเป็นทีมชาติไทยลงแข่งพระองค์ทรงสนพระทัยและทรงเชียร์ด้วย” ศ.คลินิก นพ.อุดมกล่าวและว่าในส่วนของพระอาการประชวรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั้น ขณะนี้ยังดีเหมือนเดิม รอเพียงแต่พระกำลังที่กำลังเริ่มค่อยๆดีขึ้น ต้องใช้เวลาช่วงเช้าวันเดียวกัน นักเตะทีมชาติไทยได้เดินทางไปให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเป็นครั้งแรก ที่สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 โดยให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ “สนามข่าวช่อง 7 สี” รวมถึงมี “เอมมี่” มรกต กิตติสาระ ดารานักแสดงสาวของช่อง 7 มาร่วมถ่ายรูปกับนักฟุตบอลไทยด้วย เช่นเดียวกับแฟนบอลจำนวนมากที่มาคอยให้กำลังใจตั้งแต่เช้ามืด ขณะที่ นายสมเกียรติ เจริญภิญโญยิ่ง กรรมการผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ และรักษาการผู้จัดการฝ่ายข่าว สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 มอบเงินรางวัลให้กับนักเตะทีมชาติไทยอีก 1 ล้านบาท และจากรอบชิงชนะเลิศนัดที่ 2 เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. ส่งผลให้เรตติ้งของช่อง 7 พุ่งทะลุถึง 22.8 คิดเป็นจำนวนผู้ชม 14.9 ล้านคนอีกด้วย จากนั้นช่วงบ่าย คณะนักเตะไทยไปอัดรายการ “เจาะข่าวเด่น” ทางช่อง 3 ของนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา พิธีกรชื่อดัง ซึ่งยังคงได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นเช่นเดิม

สำหรับในรายการสนามข่าวช่อง 7 “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือใหญ่ของทีม กล่าวว่า ครึ่งแรกที่โดนนำไป 2-0 ช่วงพักครึ่ง ลูกทีมต่างนั่งก้มหน้าในห้องพัก ตนจึงบอกทุกคนว่า ให้กลับมาสู้ต่อ เพราะถือว่าสกอร์เสมอกัน 2-2 ครึ่งหลังจะเป็นการเริ่มต้นกันใหม่ เรามานั่งนึกกันว่า มาเลเซียวันนี้เล่นได้ไม่ดีเท่านัดแรก แต่ทำไมเราถึงเสียไปสองประตู ตนพูดกับลูกทีมว่า จะเอายังไง จะเล่นหรือไม่เล่น ถ้าไม่เล่นก็กลับบ้านไป ทุกคนที่นั่งก้มหน้าอยู่ ค่อยๆเงยหน้าขึ้นมา ตนเลยปรับระบบการเล่นจาก 4-2-3-1 มาเป็น 4-3-3 เปิดเกมรุกเต็มรูปแบบ ดันเอา ชาริล ชัปปุยส์ ขึ้นมาเป็นกองหน้า อย่างไรก็ตาม พอครึ่งหลังลงไปโดนยิงนำไปอีก 3-0 เรานั่งมองหน้ากันจะทำยังไงดี ก็เลยตัดสินใจเปลี่ยน ศราวุธ มาสุข ลงเติมเกมรุกด้านขวา และก็ถือว่าเป็นการเปลี่ยนตัวที่ถูกต้อง

ด้านนักเตะส่วนใหญ่ระบุตรงกันว่า นึกไม่ถึงว่าจะได้รับการต้อนรับจากแฟนบอลมากขนาดนี้ ถือเป็นความทรงจำที่ดีที่สุดของชีวิต “ผมไม่คิดว่า จะมีวันนี้ สิ่งที่ทำมาหายเหนื่อยหมด ชีวิตนี้ไม่คิดว่าจะเจอการต้อนรับแบบนี้” กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ นายทวารทีมชาติไทยกล่าว

ขณะที่ สุทธินันท์ พุกหอม ปราการหลังของทีม ที่เบียดปะทะกับนักเตะมาเลเซีย จนกรรมการให้มาเลเซียได้ลูกจุดโทษตั้งแต่ต้นเกม กล่าวว่า เราเป็นนักเตะรู้ดีว่า เราทำฟาวล์หรือไม่ ทุกคนดูก็เห็น ตอนกรรมการเป่านกหวีด ตนยังนึกว่ามาเลเซียทำฟาวล์ ส่วน “เมสซี่เจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์ นักเตะยอดเยี่ยมประจำการแข่งขัน และคนยิงประตูที่ 2 ให้ทีมไทยฝังมาเลเซียอย่างเด็ดขาด กล่าวว่า ขอบคุณโค้ชซิโก้ ที่ได้สอนเทคนิคเรื่องการยิงประตูให้และขอบคุณเพื่อนทุกคนที่ส่งให้ตนได้เป็นนักเตะทรงคุณค่า

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า “สุดหล่อ” ชาริล ชัปปุยส์ นักเตะขวัญใจชาวไทย ไม่ได้ร่วมกิจกรรมกับเพื่อนร่วมทีมตลอดทั้งวัน เนื่องจากได้เดินทางกลับประเทศสวิตเซอร์แลนด์ไปเรียบร้อยแล้ว เพื่อฉลองคริสต์มาสกับครอบครัว ตามโปรแกรมที่วางเอาไว้ก่อนหน้านี้ ตั้งแต่ก่อนการแข่งขันจะเริ่ม

ส่วนยอดเงินอัดฉีดของทีมชาติไทย ในเวลานี้อยู่ที่ 34 ล้านบาทแล้ว โดยมาจากฝ่ายจัดการแข่งขันในฐานะแชมป์ 2 แสนเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 6.4 ล้านบาท, สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ที่ให้สะสมตั้งแต่รอบแรกรวม 11.6 ล้านบาท, บริษัท โหลทอง โฮลดิ้ง จำกัด 7 ล้านบาท, รัฐบาล โดยกองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติ ซึ่งมีนางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานกองทุนฯ 5 ล้านบาท, บริษัท สยามพิวรรธณ์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้บริหารและเจ้าของสยามพารากอน 1 ล้านบาท, บริษัทสามารถ คอร์ปอเรชั่น จำกัด โดยนายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ 2 ล้านบาท และล่าสุด สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 อีก 1 ล้านบาท

นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวยังรายงานด้วยว่า กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้ประสานไปยังสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ในการนำถ้วยแชมป์ซูซูกิ คัพ 2014 มาจัดแสดงที่ห้างสยามพารากอน ระหว่างวันที่ 24-28 ธ.ค.นี้ เพื่อสร้างความสุขในช่วงก่อนเข้าเทศกาลปีใหม่ให้ประชาชนอีกรอบ พร้อมกันนี้ยังได้วางโปรแกรมให้นักเตะของทีมชาติไทยชุดนี้มาโชว์ตัวในงานอีกด้วย

ด้าน “บิ๊กอ๊อด” พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยฯ กล่าวแสดงความยินดีกับชัยชนะของนักกีฬาฟุตบอลทีมชาติไทย ที่คว้าแชมป์ฟุตบอลเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2014 ว่า ถือเป็นชัยชนะที่สร้างความสุขความภาคภูมิใจให้กับประชาชนคนไทยทั้งชาติ ที่ได้รอคอยชัยชนะนี้มาถึง 12 ปี นับเป็นชัยชนะที่ถูกเวลาและคุ้มค่าแก่การรอคอยอย่างแท้จริง และการแสดงออกถึงความชื่นชมยินดีและแสดงความสามัคคีร่วมพลังเชียร์ของปวงชนชาวไทยที่แสดงออกในครั้งนี้นั้นเป็นจุดหมายที่ยืนยันชัดเจนว่ากีฬาฟุตบอลของไทย เป็นสมบัติที่คนไทยทุกคนร่วมกันเป็นเจ้าของ และการที่เราจะดำรงความรู้สึกร่วมนี้ได้ยาวนานตลอดไปนั้น สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ จะต้องสร้างผลงานอันทรงคุณค่าแห่งความภาคภูมิใจในระดับนี้อย่างต่อเนื่อง

ประธานโอลิมปิกไทยกล่าวต่อว่า บุคคลสำคัญในการสร้างผลงานอันโดดเด่นนอกจากนักฟุตบอลแล้วก็คือผู้ฝึกสอน และผู้จัดการทีม ซึ่งจะเห็นได้ชัดเจนว่า “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง หัวหน้าผู้ฝึกสอน เป็นผู้ฝึกสอนที่ทรงคุณค่ายิ่งในกีฬาฟุตบอลของไทยคนหนึ่งในปัจจุบัน เหนือกว่าผู้ฝึกสอนจากต่างประเทศที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไปโดยไม่ได้สร้างคุณค่า ที่ควรทรงจำฝากไว้กับวงการฟุตบอลไทยให้สมกับค่าจ้างแสนแพงที่เราต้องจ้างเขามา ตนคิดว่าถึงเวลาแล้วที่เราควรจะต้องเพิ่มค่าตอบแทนให้กับโค้ชซิโก้ ให้คุ้มค่ากับแรงกาย แรงใจและสติปัญญา ความคิดที่เขาได้ทุ่มเทให้กับการพัฒนาทีมฟุตบอลไทย จนเป็นผลสำเร็จที่งดงาม เป็นที่ชื่นชมยินดีของคนไทยทั้งชาติ เกียรติศักดิ์และนักกีฬาฟุตบอลทีมนี้จะต้องอยู่กับวงการฟุตบอลไทยไปอีกนาน

“ผมคิดว่าทั้งสมาคมฟุตบอลฯ และทั้งรัฐบาล ควรจะเพิ่มงบประมาณและเพิ่มค่าตอบแทนให้กับผู้ฝึกสอนไทย ไม่น้อยกว่าที่สมาคมฟุตบอลฯ จ้างผู้ฝึกสอนจากต่างประเทศ หรืออาจจะมากกว่าก็ได้ ซึ่งเรื่องนี้ต้องรีบดำเนินการเพราะโค้ชเกียรติศักดิ์ และน้องๆ นักฟุตบอลทีมนี้คิดไปถึงโอกาสที่ทีมชาติไทยจะไปถึงรอบ 32 ทีมสุดท้าย ในศึกฟุตบอลในโอลิมปิกเกมส์ 2016 ที่เมืองริโอเดจาเนโร ประเทศบราซิล กันแล้ว” พล.อ.ยุทธศักดิ์กล่าวในตอนท้าย

ส่วนที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่นักฟุตบอลชาติไทยคว้าแชมป์ซูซูกิ คัพที่ประเทศมาเลเซียว่า ต้องขอขอบคุณที่คณะนักฟุตบอลได้เติมความสุขให้กับคนไทยทั้งประเทศ จากที่เราคาดหวังว่าจะได้ชัยชนะและเราก็ทำได้ ซึ่งทำให้ประชาชนทั้งประเทศมีความสุข โดยจะเห็นได้ชัดเจนจากประชาชนที่ให้ความสำคัญกับนักกีฬา ผู้ฝึกสอนและเจ้าหน้าที่ทุกคน “ผมต้องขอขอบคุณจริงๆ โดยเฉพาะสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย เจ้าหน้าที่ผู้ฝึกสอน และที่สำคัญคือนักกีฬาฟุตบอลทุกคน ผมได้ดูการแข่งขันจนจบ และเอาใจช่วย จะเห็นได้ว่านักกีฬาทุกคนได้เล่นอย่างเต็มที่จนทำให้ได้รับชัยชนะในครั้งนี้”

ขณะที่ ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 22-23 ธ.ค. ถึงการเตรียมจัดงานต้อนรับคณะนักฟุตบอลทีมชาติไทย ที่คว้าแชมป์รายการชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียน หรือเอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ เพียงสั้นๆว่า “รอให้กลับมาก่อน”

หางานตามสาขาอาชีพ

JOBBKK.COM © สงวนลิขสิทธิ์ All Right Reserved

jobbkk มีเพียงเว็บเดียวเท่านั้น ไม่มีเว็บเครือข่าย โปรดอย่าหลงเชื่อผู้แอบอ้าง และหากผู้ใดแอบอ้าง ไม่ว่าทาง Email, โทรศัพท์, SMS หรือทางใดก็ตาม จะถูกดำเนินคดีตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด DBD

Top