รับประกันคุณเดาไม่ถูก? ย้อนดูภาพคนดัง และความฝัน วัยเด็ก?

  • 11 พ.ค. 2563
  • 3888
หางาน,สมัครงาน,งาน,รับประกันคุณเดาไม่ถูก? ย้อนดูภาพคนดัง และความฝัน วัยเด็ก?

คุณเคยเห็น 'ใบหน้า' เหล่าไอดอลและคนดังตอนเด็กๆ บ้างไหม

ในวันเด็กปีนี้ นอกจากไทยรัฐออนไลน์จะนึกสนุกเอาภาพตอนเด็กมาให้ดูว่า เมื่อเติบใหญ่แล้วคนที่พวกคุณปลื้มๆ นั้นเปลี่ยนไปมากน้อยแค่ไหน ยังหน้าตาน่ารักเหมือนเดิม จนแฟนๆ จำได้หรือไม่แล้ว

เรายังถามเรื่องความฝันในวัยเด็ก เพื่อเป็นแนวทางให้กับเด็กว่าโตขึ้นเมื่อมีความฝันแล้วคุณจะทำมันให้สำเร็จอย่างไร ส่วนคนที่ไม่มีความฝันพวกไอดอลเหล่านี้ก็มีวิธีแนะนำด้านล่างนี้เราพาไปหาคำตอบ

ความฝันต้องมี แต่ต้องเผื่อใจไว้กับความเป็นจริง...

ฝันแรกอย่างเป็นสัตวแพทย์ค่ะ...หนูดี วนิษา เรซ ผู้เชี่ยวชาญทางด้านสมองและการเรียนรู้ หัวเราะสดใสและให้เหตุผลว่า เพราะชอบเลี้ยงสัตว์ เนื่องจากที่บ้านเป็นบ้านสวน ดังนั้นสัตว์เลี้ยงต่างๆ จะเยอะแยะมาก ไม่ว่าจะเป็นนกยูง ไก่งวง กระรอก สุนัข และสัตว์อื่นๆ อีกมากมาย

หนูดีวัยเด็ก

น่ารักน่าชัง

ชุดลายสก๊อต

"พอโตขึ้นมาหน่อยก็ฝันอยากเป็นนักเต้นบัลเลต์ (หัวเราะ) เพราะว่าเราเรียนบัลเลต์ ตั้งแต่เด็กๆ ซึ่งการเต้นบัลเลต์มันมีสังคม มีการเลื่อนขั้น แล้วหนูดีเป็นคนที่ชอบสิ่งที่ไม่อยู่นิ่งได้ไต่อันดับไปเรื่อยๆ รู้สึกว่าสนุกและท้าทายดี ก็ตั้งใจว่าจะยึดเป็นอาชีพ แต่พอมาปรึกษาผู้ใหญ่หลายๆ คนบอกว่า หนูดีต้องเข้าใจว่าอาชีพนี้ว่ามันมีอายุของมันคือ 40 ปีก็ต้องเกษียณ และกลายเป็นไปครูสอน เราก็คิดว่าจริงนะ เพราะอายุมากขึ้น อาชีพนี้มันเรียกร้องร่างกาย พออายุมากก็ไม่สามารถเล่นได้เหมือนกับตอนที่อายุน้อยๆ ดังนั้นจึงเปลี่ยนความฝันมาเป็นครู เพราะที่บ้านเปิดโรงเรียนวนิษา เลยเลือกเส้นทางนี้" สาวสวยผู้เชี่ยวชาญและที่ปรึกษาด้านอัจฉริยภาพกล่าว

หนูดีตอนเด็กซนเหมือนกันนะเนี่ย

อบอุ่นจังเลย

สุดท้าย หนูดี บอกว่า บทสรุปเวลาเรามีความฝันก็ต้องอยู่กับความจริงด้วย คิดให้มากๆ เพราะบางทีความฝันกับความจริงก็ไม่ได้สวยงามเสมอไป แต่คนเราก็ต้องมีฝันแล้วมุ่งมั่นทำมันก็จะประสบความสำเร็จ

ความฝันแรก และฝันเดียวตลอดชีวิต...

เป็นฝันแรกและฝันเดียวค่ะ...ตั๊น จิตภัสร์ กฤดากร ยิ้มหวานและเผยว่า อยากเป็นนายกรัฐมนตรี

"ตั๊นคิดว่าความฝันของเรามาจากการปลูกฝังของพ่อแม่เสมอๆ ว่าเราโชคดีที่เกิดมามีโอกาสหลายอย่างมากกว่าคนอื่นๆ ที่ไม่มีโอกาสไม่ว่าจะเป็นเรื่องการศึกษา การศึกษาที่ต่างประเทศโชคดีมีโอกาสมากกว่าหลายๆ คน ท่านสอนให้เราหันไปมองคนอื่น หันไปมองคนรอบๆ ข้างที่ทำงานเพื่อสังคมให้เรามีจิตใจที่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กับคนอื่นๆ ที่อาจจะไม่มีโอกาสเท่าเรา ดังนั้นตั๊นจึงคิดเสมอว่า โตขึ้นมาเราจะมาทำงานเพื่อสังคมและหาวิธีในการมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศชาติ"

ตั๊นในวัยเด็ก

ตั๊น จิตภัสร์ กฤดากร

ดังนั้น ตอนเด็กๆ ก็คิดว่าตำแหน่งนายกฯ นี้เป็นตำแหน่งที่สามารถช่วยเหลือตรงนั้นได้อย่างเต็มที่และเข้าถึงคนได้ทุกภาคส่วน...ตั๊นย้ำ 

"ตั๊นคิดว่าทุกคนก็มีฝันได้ แต่เมื่อมีความฝันต้องมีแอ็กชั่นด้วย เราก็ต้องสานฝันด้วย เราแค่ฝันโดยไม่ทำอะไร มันก็น้อย ดังนั้นถ้าเกิดเรามีความฝัน แล้วเราทำให้ถึงจุดมุ่งหมายตรงจุดนั้นก็สามารถมีเปอร์เซ็นต์ที่ไปถึงฝันนั้นได้ แต่สิ่งหนึ่งที่อยากจะบอกน้องๆ ก็คือมุ่งมั่นอย่าท้อถอย ซึ่งตั๊นรู้ว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะรู้ตั้งแต่เด็กว่าจะเป็นอะไร ในเมื่อรู้แล้วมั่นใจมาในแนวนี้อย่าท้อถอย เพราะมันมีอุปสรรคมากมายในชีวิต สิ่งที่ตั๊นเจอมาก็ร้อยแปดพันเก้ามาก แต่เราก็ฝ่าฟันมาได้ทีละสเต็ป ค่อนเป็นค่อยไป เรียนรู้จากประสบการและเข้มแข็งมีจิดใจที่มั่นคง" 

สวยสง่า

ตั๊นมุมเผลอ

สุดท้าย ตั๊นฝากไปถึงวันเด็กสำหรับน้องๆ ที่มีความฝันก็อยากให้ตั้งใจเดินตามหาฝันของตัวเอง อย่าได้ท้อถอย กับสิ่งที่เข้ามาในชีวิตเพราะว่าทุกคนต้องเจออุปสรรคไม่มีถนนเส้นไหนที่โรยไปด้วยกลีบกุหลาบ แต่ถ้าเราฝ่าฟันอุปสรรคไปได้มันก็จะทำให้เราเป็นคนที่แข็งแกร่งมากขึ้น ในวันข้างหน้า

ฝันต้องมี แต่ก็เปลี่ยนความฝันได้...!

ฝันแรก อยากเป็นอาชีพใกล้ตัว อยากเป็นคุณครู หญิงแย้ นนทพร ธีระวัฒนสุข นักแสดง บล็อกเกอร์ อดีตเจ้าของฉายาพริตตี้เงินล้าน เน็ตไอดอลรุ่นแรกๆ (อ่าน : พรหมลิขิต 'พลาสติก' เว้ยเฮ้ย…!) บอกแบบนั้น 

ที่บ้านเป็นหมอล่ะซิ - เราสงสัย หญิงแย้บอกเสียงเรียบๆ หน้าตาเฉยๆ ว่า ไม่ใช่ค่ะ คุณพ่อคุณแม่เป็นครู เรียกเสียงหัวเราะในความกวนของเธอ 

หญิงแย้ นนทพร ธีระวัฒนสุข

น่ารักอ่ะ

"อาชีพครูเป็นสิ่งที่เรารู้สึกตั้งแต่เด็กๆ เลยว่า ทำไมไม่มีเหตุผล ทำไมมีอะไรผิดแต่ครูตีหมดทั้งชั้น ทำไม่มีเหตุผล ทำไมครูไม่ใช้เหตุผลในการสอนหรือทำโทษ กระทั่งตักเตือน เลยรู้สึกว่า ถ้าฉันเป็นครู ฉันจะสอนนักเรียนให้ดี ไม่ได้ลงโทษแบบที่เป็นอยู่"

แต่ที่สุดก็ไม่ได้เป็นครู...? แย้บอกว่า ใช่ค่ะ ความฝันมาเปลี่ยนตอนที่แย้ทำศัลยกรรม พอโตขึ้นมาเรียน ม.ศิลปากร คณะอักษรศาสตร์ เลยอยากเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยเพราะรู้สึกว่าการมีชีวิตในมหาวิทยาลัยมันดี อิสระ ร่มรื่น ร่มเย็นเป็นสุข โดยเฉพาะ ม.ศิลปากร วิทยาเขตท่าพระจันทร์ ที่นั่นค่าครองชีพต่ำ อาหารอร่อย นักศึกษามันก็ใสๆ มีชีวิตชีวา เหมือนอยู่กับเด็กๆ ก็ดี ช่วงนั้นใช้ชีวิตพอเพียงมาก ประหยัดมาก เพราะเราใช้เงินแต่ 10% ของรายได้

หญิงแย้ตอนเบบี๋

แปรงฟันกับหนูแย้มั้ยค่ะ

"ความฝันมาเปลี่ยนตอนสุดท้ายที่ทำศัลยกรรม แล้วก็มีโอกาสได้ทำงานพริตตี้ ตอนนั้นก็ไม่รู้หรอกว่า การเป็นคนในวงการจะทำเงินให้เรามากน้อยแค่ไหน แค่รู้สึกว่าอยากมีชื่อเสียง พอวันที่เรามีจริงๆ ทำอะไรง่ายขึ้น มีเครดิต แล้วค่าใช้จ่ายมันแทบจะไม่มีทุกวันนี้ เสื้อผ้าก็แทบไม่ต้องซื้อ เครื่องสำอางด้วย เที่ยวก็ฟรี เลยโอเคกับตรงนี้ เราก็พยายามทำตรงนี้ให้ดีที่สุด เพราะว่าเรามักจะถูกมองว่าเป็นพริตตี้ เป็นเน็ตไอดอล เป็นบล็อกเกอร์เป็นดารา ซึ่งเราโอบรับทุกอย่างที่ทุกคนพูดมารับได้หมด เป็นได้ทุกอย่างแล้วแต่ทุกคนจะเรียกกัน"

หญิงแย้เธอมาไกล

สุดท้าย หญิงแย้ ฝากอะไรเด็กๆ ที่ยังไม่มีความฝัน หรือมีความฝันแต่ยังไม่รู้ว่าจะไปถึงวันนั้นได้อย่างไร ว่า พูดถึงความฝันในวัยเด็กเป็นสิ่งที่ดี แต่ว่า มันก็ยังไม่แน่ชัดในอนาคต ดังนั้นถ้าเรามีความฝันว่าจะเป็นนั่น เป็นนี่ แต่พอวันหนึ่งความฝันมันเปลี่ยนเราก็ให้มันเปลี่ยนไปเลย ไม่ต้องไปตามมัน ไม่ต้องมุ่งมั่น เดี๋ยวนี้โลกเปลี่ยนแปลงเร็ว เพราะอาชีพสมัยนี้มันไม่สามารถเลี้ยงชีพได้แล้ว หรือไม่มีความสุขแบบแต่ก่อน หลายอาชีพก็ตายไป หลายอาชีพก็จะเกิดใหม่ ดังนั้นพอเด็ก เราฝันอะไรโตขึ้นก็สามารถเปลี่ยนแปลงความฝันได้เพื่อสิ่งที่ดีกว่าหญิงแย้เป็นประกัน

ความฝันของนุ่งสั้น ต้องฝันและพยายาม...!

"ตอนเด็กๆ ใบเตย ก็ใฝ่ฝันอยากเป็นศิลปินนักร้องค่ะ..." ใบเตย อาร์สยาม เจ้าของฉายาสั้นเสมอหู บอกว่า ชอบร้องเพลงมาตั้งแต่เด็ก เดินสายประกวดร้องเพลงตามเวทีต่างๆ เพื่อให้ตัวเองได้ทำในสิ่งที่รัก ได้รางวัลบ้างไม่ได้บ้าง แค่ได้ทำในสิ่งที่เรารักเราก็มีความสุขแล้ว

"ตอนเด็กไม่เคยคิดว่าตัวเองจะก้าวเข้ามาเป็นศิลปินที่มีชื่อเสียงโด่งดังเลยค่ะ เพราะเราเองก็เป็นแค่เด็กบ้านนอกที่พยายามเดินตามความฝันของตนเองเท่านั้นค่ะ วันนี้ใบเตย มาเป็นศิลปินในค่ายอาร์สยาม และเป็นที่รู้จักของคนทั้งประเทศถือว่าเป็นความฝันที่เกินฝันมากค่ะ ใบเตยอาจจะไม่ใช่ศิลปินที่เสียงดีที่สุด แต่ทุกๆ อย่างที่ใบเตยได้มีโอกาสทำนั้น ใบเตยตั้งใจมากๆ ต้องขอบคุณเฮียอ้อ ขอบคุณพี่เณร ศุภชัย ที่ให้โอกาสกับเด็กบ้านนอกคนนี้ได้ทำความฝันตัวเองจนวันนี้ถือว่าสำเร็จมากๆ แล้วค่ะ ”

หนูใบเตยเองค่าาาา

ถามว่าพอเรามีความฝัน เรามีวิธีการหรือแนวทางอย่างไร ให้ตัวเองก้าวไปคว้าฝันนั้นมาได้...ใบเตยบอกว่า

“ใบเตยเชื่อว่าทุกคนมีความฝันนะคะ แต่ความฝันนั้นจะสำเร็จหรือไม่ก็ต้องอยู่ที่ตัวเราจะพยายามมากน้อยแค่ไหน ต้องบอกตัวเองว่าเราจะไม่ท้อถอย ต้องมีความมุ่งมั่น และต้องสร้างกำลังใจให้ตัวเองด้วยค่ะ เพราะถ้าเราท้อ ความฝันที่ฝันไว้คงไม่มีทางสำเร็จได้อย่างแน่นอน และที่สำคัญเป็นอย่างมากนั่นคือ ครอบครัวค่ะ เพราะครอบครัวเป็นทั้งกำลังใจและเป็นแรงผลักดันให้เราได้เดินตามความฝัน ต่อให้วันนี้เราท้อหรือล้มลงเราก็จะมีครอบครัวที่คอยอยู่ข้างๆ เราเสมอค่ะ ”

สุดท้าย ใบเตยฝากถึงน้องๆ เด็กๆ สมัยนี้เกี่ยวกับว่าต้องการจะประสบความสำเร็จหรือก้าวไปคว้าฝันว่า มันไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยากเกินไป มีเทคนิค แนวคิดในการดำเนินชีวิตอะไรฝากน้องๆ บ้างคะ

ใบเตยโตแล้ว สวยเปรี้ยวจริงๆ

“การที่เราจะประสบความสำเร็จนั้น สำหรับใบเตยอย่างแรกที่ต้องมีคือ ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่นค่ะ ใบเตยจะบอกตัวเองไว้เสมอ เราต้องสู้ อย่าท้อ ต้องมีความกล้าที่จะทำความฝันของตัวเองค่ะ ต้องแสดงความสามารถที่มีออกมาเพื่อให้คนอื่นให้เห็น ใช้พรสวรรค์ที่มีในตัวเองให้เกิดประโยชน์ค่ะ ถ้าเรามัวแต่คิดว่าเราทำไม่ได้ มันก็เป็นการบั่นทอนกำลังใจตัวเองตั้งแต่ยังไม่เริ่ม ดังนั้นใบเตยอยากบอกน้องๆ ทุกคนให้สู้ค่ะ อย่าท้อถอย เพราะบางครั้งเราอาจจะเจอกับอุปสรรคแต่ถ้าเรามีจุดหมายที่ตั้งไว้ ใบเตยเชื่อว่าเราจะประสบความสำเร็จอย่างแน่นอนค่ะ ”

ความฝัน จุดมุ่งหมายมีไว้พุ่งชน...!

แจม ปาณิชดา แสงสุวรรณ นางเอกช่อง 7 บอกฝันแรกกลั้วเสียงหัวเราะสดใสว่า อยากเป็นแอร์โฮสเตสค่ะ เพราะว่าที่บ้านมีญาติเป็นแอร์ เลยอยากเป็นบ้าง เพราะเรารู้สึกว่าอาชีพแอร์โฮเตส เป็นอาชีพที่ดูดีได้เงินเยอะ แล้วคนที่จะเป็นแอร์ได้ต้องสวย หุ่นดี เลยพยายามตั้งใจเรียนภาษามาตลอด

แจมมี่น่ารัก

มาเล่นกันเถอะ

"หลังจากนั้นมีโอกาสมาเข้าช่อง7 เป็นอีกอาชีพที่หลายๆ คนอยากเป็น คือ การเป็นนักแสดง เราเลยมองว่า ถ้าเป็นนักแสดง ตอนนี้เรามีงาน มีเงินเลยดูแลตัวเองได้ไม่ลำบากพ่อแม่ จากภาษาที่เลือกเรียนมาก็เปลี่ยนทิศทางมา เรียนทาง นิเทศศาสตร์แทนค่ะ จนมาวันนี้การที่เราเป็นนักแสดง มันก็มีความสุขตอนนี้เลยไม่คิดจะเป็นแอร์แล้วค่ะ"

แจม ปาณิชดา แสงสุวรรณ

เด็กๆ ก็น่ารัก โตแล้วก็สวยเชียว

แจมบอกอีกว่า การทำอาชีพอะไรมันไม่สำคัญมันอยู่ที่จังหวะและโอกาส ที่จะพาชีวิตเราไปทางไหน แล้วก็อยู่ที่เราว่าจะเลือกทางเดินไหน ไม่ว่าจะทำอาชีพอะไรถ้าเรามีความสุขกับงานที่เราทำแค่นี้แจมว่าก็ดีแล้วสำหรับแจม แจมมองว่าจำเป็น คนเราต้องมีจุดมุ่งหมาย จะได้มีแรงผลักดัน ไปสู่จุดหมายหรือความฝันนั้นเอง เวลาเราทำในสิ่งที่เราชอบ เรารัก เรามักจะทำมันออกมาได้ดีเราคิดแบบนั้น

จิ้มลิ้ม

แจม ปาณิชดา แสงสุวรรณ นางเอกช่อง 7 วัยเด็ก

"ถึงแม้บางคนอาจจะไปไม่ถึงฝันไม่เป็นไรค่ะ เพราะความฝันเป็นเพียงแค่จุดมุ่งหมายหนึ่งเท่านั้น"

สุดท้าย แจมบอกว่า ก็อยากจะฝากถึงวันเด็กถึงเด็กๆ ที่ยังไม่มีฝันลองมองหาสิ่งที่ตัวเองชอบดูว่าเราชอบอะไร ส่วนเด็กที่มีฝัน มีจุดมุ่งหมายก็ทำตามความฝัน แค่ตั้งใจ ตั้งมั่นเชื่อว่าน้องๆ ทุกคนไปถึงฝันได้แน่นอน วันนี้เรายังเป็นเด็กมีเวลาคิดมีเวลาตัดสินใจอีกเยอะ เด็กวันนี้คืออนาคตที่ยิ่งใหญ่ของชาติ

หางานตามสาขาอาชีพ

JOBBKK.COM © สงวนลิขสิทธิ์ All Right Reserved

jobbkk มีเพียงเว็บเดียวเท่านั้น ไม่มีเว็บเครือข่าย โปรดอย่าหลงเชื่อผู้แอบอ้าง และหากผู้ใดแอบอ้าง ไม่ว่าทาง Email, โทรศัพท์, SMS หรือทางใดก็ตาม จะถูกดำเนินคดีตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด DBD

Top