นักท่องเที่ยวชาวจีน33ชีวิตถูกไกด์สาวทิ้งไว้พัทยา เดือดร้อนตำรวจต้องไปดูแล ก่อนที่จะมีบริษัททัวร์ออกมารับผิดชอบ เผยเกิดปัญหาบ่อยครั้ง หลังจากไกด์พาไปซื้อของแล้วนักท่องเที่ยวไม่ซื้อ หรือเรียกเงินเพิ่มไม่ได้ก็จะปล่อยลอยแพไว้...
เมื่อเวลา 23.30 น. วันที่ 19 ก.พ. พ.ต.อ.สุขทัศน์ พุ่มพันธุ์ม่วง ผกก.สภ.เมืองพัทยา และ พ.ต.ท.สถาพร สงวนสุข สว.สทท.กก.2 บก.ทท. พ.ต.ต.ปิยะพงษ์ เอนสาร สารวัตรตำรวจท่องเที่ยวเมืองพัทยา พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนกองกับการตำรวจท่องเที่ยว ฝ่ายสืบสวน สภ.เมืองพัทยา ได้ไปให้การช่วยเหลือ นักท่องเที่ยวชาวจีน 33 คน ที่บริเวณหน่วยสอบสวนย่อยโค้งดงตาล สภ.เมืองพัทยา ริมหาดจอมเทียน ม.11 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับได้รับแจ้งว่า ถูกไกด์นำเที่ยวชาวจีน ปล่อยทิ้ง ขณะเดินทางมาเที่ยวในเมืองพัทยา
พบนักท่องเที่ยวจากมณฑลเจ้อเจียง ประเทศจีน ทั้งหมด 33 คน เป็นผู้ใหญ่ 31 คน เด็ก 2 คน ทั้งหมดอยู่ในอาการตื่นกลัว เนื่องจากเกรงว่าจะเดินทางกลับประเทศบ้านเกิดไม่ได้ ส่งเสียงคุยกันดังลั่น โดยนาง เย่ หม่ง อายุ 48 ปี หนึ่งในนักท่องเที่ยวชาวจีน ได้ให้การผ่านล่ามว่า เดินทางมาประเทศไทย เมื่อวันที่ 16 ก.พ. ที่ผ่านมา โดยซื้อแพ็กเกจทัวร์จากประเทศของตน ในราคา 2,399 หยวน คิดเป็นเงินไทย 12,000 บาท
นางเย่ หม่ง เล่าต่อว่า เพิ่งเดินทางเข้าเที่ยวเมืองพัทยา จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 18 ก.พ.โดยเข้าพักที่โรงแรม สเปนคิต รีสอร์ท จอมเทียน ซ.จอมเทียน 7 ซึ่งระยะเวลา 2 วันที่ผ่านมา ไกด์นำเที่ยว ทราบชื่อเพียงว่า น.ส.หย่า หวิน พิ้ง อายุประมาณ 20 ปี หัวหน้าไกด์ชาวจีน พยายามเรียกเงินค่าทัวร์เพิ่มจากนักท่องเที่ยวอีกคนละ 1,380 หยวน คิดเป็นเงินไทย 6,900 บาท แต่ตนและเพื่อนๆ ปฏิเสธ เพราะได้ซื้อแพ็กเกจทัวร์แบบเหมาจ่ายไปแล้ว จึงไม่มีเหตุผลอะไรจะต้องจ่ายเพิ่ม แต่ก็มีเพื่อนบางคน ทราบภายหลังว่ามีอยู่ประมาณ 20 คน จ่ายเงินให้ไกด์สาวดังกล่าวไปแล้ว เพราะไม่อยากมีปัญหากับไกด์ทัวร์ แต่ตนคิดว่าเป็นสิ่งไม่ถูกต้อง เพราะเป็นการเอารัดเอาเปรียบกันเกินไป จึงพยายามไปทวงเงินคืนจากไกด์นำทัวร์ แต่ปรากฏว่า ไกด์ดังกล่าวได้หายตัวไป พร้อมกับเงินที่เพื่อนร่วมกรุ๊ปทัวร์ 20 คนจ่ายไปแล้วเป็นเงิน 27,600 หยวน คิดเป็นเงินไทย 138,000 บาท โดยปล่อยทิ้งตนและเพื่อนร่วมชาติลอยแพในเมืองพัทยา จึงแจ้งประสานขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจดังกล่าว
ด้านนายไพศาล ซื่อธานุวงค์ อายุ 40 ปี เลขาธิการชมรมมัคคุเทศก์ภาษาจีนกลาง ซึ่งเป็นล่ามแปลภาษากลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนรายนื้ เปิดเผยว่า จากการสื่อสารกับชาวจีนกลุ่มนี้ ทราบเบื้องต้นว่าเดินทางมาประเทศไทย ลงเครื่องที่สนามบินสุวรรณภูมิ จากนั้นมี บริษัทนำเที่ยวในประเทศไทยแห่งหนึ่ง โดยมี น.ส.หย่า หวิน พิ้ง เป็นหัวหน้าไกด์ทัวร์ ซึ่งไม่ทราบว่าเป็นไกด์ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ มารับที่สนามบิน แล้วพาตระเวนไปจังหวัดต่างๆ ก่อนจะมาเที่ยวเมืองพัทยา และการกระทำดังกล่าว ถือว่าเป็นทำลายภาพลักษณ์การท่องเที่ยวอย่างมาก จึงอยากให้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีการดำเนินการอย่างจริงจัง เพราะเหตุการลักษณะนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก
ต่อมา ได้มี น.ส.อาฟาง แซ่ลู่ อายุ 20 ปี ชาว จ.เชียงใหม่ ตัวแทนจาก บริษัท นิวเจ้น จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทนำเที่ยวที่รับนักท่องเที่ยวกลุ่มดังกล่าว ได้ออกมาแสดงความบริสุทธิ์ใจกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมทั้งยืนยันว่าไม่มีส่วนรู้เห็นกับการกระทำของไกด์สาวรายนี้ พร้อมทั้งจะรับผิดชอบเงินในส่วนที่นักท่องเที่ยวชาวจีนกลุ่มนี้จ่ายไป ส่วน น.ส.หย่า หวิน พิ้ง หลังเกิดเหตุ พยายามติดต่อแต่ไม่สามารถติดต่อได้ อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทพร้อมจะดูแลนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้อย่างดีที่สุด
ขณะที่ พ.ต.อ.สุขทัศน์ พุ่มพันธุ์ม่วง ผกก.สภ.เมืองพัทยา เผยว่า ในเรื่องนี้ ตำรวจจะได้ให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย แต่สิ่งที่เกิดขึ้น บริษัทนำเที่ยวต้องเป็นผู้รับผิดชอบ หากไม่ดำเนินการใดๆ ตำรวจก็ต้องดำเนินคดี ส่วน น.ส.หย่า หวิน พิ้ง ไกด์ชาวจีน จะตรวจสอบว่าเป็นไกด์นำเที่ยวถูกต้องหรือไม่ หากพบว่าเป็นไกด์เถื่อน ก็จะตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีให้ถึงที่สุดเช่นกัน เพราะถือว่าทำลายภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เหตุการณ์ทำนองนี้ เคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง โดยบริษัทที่รับช่วงนำเที่ยวในประเทศนำนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวในประเทศไทยแล้วพาไปซื้อของ ซึ่งไกด์หรือบริษัทที่รับช่วงต่อ จะได้ค่าเปอร์เซ็นต์จากร้านค้าต่างๆ ที่เรียกกันว่าทัวร์ศูนย์เหรียญ ถ้าลูกทัวร์ไม่ซื้อของ และก็จะใช้วิธีเรียกเงิน ถ้าไม่ได้อีก ก็จะปล่อยลูกทัวร์ทิ้งลักษณะนี้ แต่ลูกทัวร์รายนี้โชคดีที่บริษัทนิวเจ้น เข้ามารับผิดชอบ.
หางานตามสาขาอาชีพ
JOBBKK.COM © สงวนลิขสิทธิ์ All Right Reserved
jobbkk มีเพียงเว็บเดียวเท่านั้น ไม่มีเว็บเครือข่าย โปรดอย่าหลงเชื่อผู้แอบอ้าง และหากผู้ใดแอบอ้าง ไม่ว่าทาง Email, โทรศัพท์, SMS หรือทางใดก็ตาม จะถูกดำเนินคดีตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด 
