เปิดใจลึก! ลัมโบร์กินี่แท็กซี่พันล้าน โจ แม่สาย โต้จีบ ขวัญ อุษามณี

  • 11 พ.ค. 2563
  • 3206
หางาน,สมัครงาน,งาน,เปิดใจลึก! ลัมโบร์กินี่แท็กซี่พันล้าน โจ แม่สาย โต้จีบ ขวัญ อุษามณี

ดังไปทั่วโลกออนไลน์ กับลัมโบร์กินี่แท็กซี่สีเหลืองเขียว โจ แม่สาย ประภาสะวัต นักธุรกิจหนุ่มหล่อรวยพันล้าน เปลือยใจหมดเปลือกกับ บันเทิงไทยรัฐออนไลน์ ถึงข่าวแรงที่ซัดกระหน่ำ ทั้งในอดีตและปัจจุบัน ถามจริงตอบตรงหรือไม่ ต้องติดตาม...

เม้าท์แหลกสนั่นโลกออนไลน์ กับลัมโบร์กินี่แท็กซี่สีเหลืองเขียวแสลงใจ ที่ซิ่งโดย โจ แม่สาย ประภาสะวัต นักธุรกิจหนุ่มหล่อรวยพันล้าน เปลือยใจหมดเปลือกกับบันเทิงไทยรัฐออนไลน์ ถึงสึนามิข่าวแรงที่ซัดกระหน่ำทั้งในอดีตและปัจจุบัน ถามตรงตอบตรงๆ หรือไม่!?! ต้องคลิกไปอ่าน

“คือคนเห็นรถลัมโบร์กินี่ก็เฉยๆ แล้ว เห็นแท็กซี่ก็เฉยๆ แต่พวกเราจับทั้งสองอย่างมารวมกัน เออ มันก็น่าสนใจแล้ว รายการของเรา (Hiso Life ออกอากาศทุกวันพุธ 22.30 ทางโมเดิร์นไนน์) จะเอาไฮโซไปทำกิจกรรมที่เขาไม่ทำกัน เช่น คุณหนูไฮโซเราก็นำเขาไปทำงานก่อสร้าง ลองดูซิจะเป็นยังไง เช่น ไปผสมปูน ฉาบปูน ก่ออิฐ หรือ อ้วน รีเทิร์น ใส่เครื่องเพชร 20 ล้าน แล้วไปเดินเข็นขายไอติมกะทิ ที่ตลาดห้วยขวาง”

ใครเป็นคนต้นคิดให้เอารถลัมโบร์กินี่มาทำเป็นแท็กซี่? “ครีเอทีฟรายการ พอบอกมา ผมตัดสินใจไม่นาน เพราะคันนี้ไม่ได้ขับอยู่แล้ว” รถลัมโปร์กินี่คันนี้ เป็นรถของใคร? “เป็นรถผมนี่แหละ ผมใช้มาแล้ว 7 ปี ซื้อมาถูกต้องเนอะ คงจะไม่เหมือนกรณีรถของ บอย ปกรณ์? “(ยิ้ม) ถ้าซื้อมาไม่ถูกต้อง ก็คงถูกยึดไปแล้ว ผมก็ใช้มา 7 ปีแล้ว”

เหตุการณ์ที่รถลัมโบร์กินี่โดนรถมอเตอร์ไซค์เฉี่ยวกระจกด้านข้าง และโจลงไปตบหน้า เรื่องราวมันเป็นยังไง? “เป็นรถประจำรายการของเรา ที่จะพาแขกรับเชิญไปทำภารกิจ วันนั้นขับมาเพื่อจะไปถ่ายรายการ แถวแยกพระราม 9 น้องที่นั่งมาด้วยเป็นแขกรับเชิญ กำลังจะพาเขาไปขายพวงมาลัยที่แยกนั่นพอดี ผมก็ขับรถมา เหมือนมันจะมาดูรถเอาไง มันก็ขับปาดมาเลย ขับมาด้านซ้าย จนปาดๆๆ มาด้านขวาของเรา ทีมงานเห็นกันหมด ถามว่าทำไมมันจอด ก็เพราะผมบีบแตร และรถทีมงานจอดบล็อก ขวางมันไว้ไม่ให้หนี มันเลยจอด ที่เห็นในคลิปถ่ายจากกล้อง โกโปร Go Pro ที่ติดไว้ในรถ คือเราก็ถ่ายบันทึกเหตุการณ์ปกติ”

พอเกิดเหตุการณ์ ได้เข้าไปตบคนที่ขับมอเตอร์ไซค์ แล้วได้ต่อยด้วยหรือไม่? “ตบอย่างเดียว” จริงๆ แล้ว ตอนที่โพสต์ลงในเฟซบุ๊ก ไม่ต้องบอกก็ได้นะ ว่าไปตบเขา? “ก็ใช่! ไม่มีหลักฐาน เด็กที่ขับรถมาชนก็ไม่ได้มีหลักฐาน เราทำก็ต้องกล้ารับ เดี๋ยวคนจะมาหาว่าอีกว่าทำหรือเปล่าวะ เราทำก็ต้องรับป่ะวะ คนอย่างผมกล้าทำก็กล้ารับอยู่แล้ว”

คิดว่าตัวเองทำเกินกว่าเหตุมั้ย ที่ไปตบหน้าเขาแบบนั้น? “รุนแรงมั้ย ก็รุนแรง คิดว่ารุนแรง ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติของชีวิตลูกผู้ชายนะ ผมคิดอย่างนี้ ผมถามอย่างนี้ก็แล้วกัน อย่างดูละครช่องต่างๆ ด่ากันตบกันรุนแรงปะ หรืออย่างนางร้ายเดินไปตบนางเอก รุนแรงปะ มันก็มีตบกันปะ แล้วชีวิตปกติมีปะ” จะบอกว่า โจก็เป็นคนปกติ ที่ยังควบคุมอารมณ์ไม่อยู่? “อ้าว! ก็ถามอยู่ว่าในละครรุนแรงปะ ก็ต้องให้สังคมคิดด้วยว่ามันรุนแรงมั้ย คนมองรุนแรงก็ได้ คนมองปกติก็มี เพราะฉะนั้น ก็ต้องถามว่าอยู่ที่มุมมอง ถ้าถามว่าผมรุนแรงมั้ย ก็ต้องให้คนดูตัดสิน ถูกมั้ย อย่างนางร้ายเดินไปตบนางเอก บางคนก็บอกสมควร บางคนก็บอกสะใจ”

กับการกระทำที่ผ่านมา รู้สึกเฉยๆ หรือว่ารู้สึกเสียใจบ้างมั้ย ที่ทำไปแบบนั้น? “ก็รู้สึกเสียใจที่ทำแบบนั้นกับน้อง ผมรู้สึกเสียใจ ใช่! พอเราหายโมโห ก็คิดได้ว่า เออ! ไม่น่าไปตบน้องมันเลย” นั่นไงน่าจะพูดจากันก่อนดีๆ ใช่มั้ยคะ? “ใช่ เออ ก็น่าจะเดินไปบอกมัน แต่อารมณ์ตอนนั้น จะให้เดินลงจากรถแล้วไปบอกว่า เออ น้องมาชนรถพี่ทำไม ดีจังเลย โอ๊ย น้องมาชนรถพี่เจ๋งมาก ไม่ใช่ปะวะ มันใช่คนเหรอ เข้าใจมั้ย ถ้าผมขับรถมาแล้วไปขับเบียดมันก็ว่าไปอย่าง ดูมันขับรถมาชนผมสิ ตั้งแต่ขับรถคันนี้มานานกว่า 7 ปี ครั้งนี้ครั้งแรกเลยที่เจอแบบนี้ ที่ผ่านมาผมขับไม่เคยมีปัญหาอะไรๆ เลย”

คนที่โจไปตบหน้าเขา ถ้าเจอสวนกลับมาจะทำอย่างไร? “ผมก็ต้องโดนปะ เพราะนั่นคือการกระทำของผม ถ้ามันเกิดขึ้นมา ผมก็ต้องรับผิดชอบการกระทำของตัวเองปะ เมื่อผมทำแบบนั้น เมื่อผมตัดสินใจทำเองแบบนั้น คนเราทำก็ต้องรับผิดชอบการกระทำของตัวเองสิ อย่าไปกลัว อยู่ในสังคมอย่าไปกลัว ผมไปตบเขา ทางนั้นอาจกระทืบผมก็ได้ (ยิ้ม) ถ้ามองในมุมนั้นผมก็สมควรโดน เพราะผมไปตบหน้าเขาก่อน แล้วถ้าผมโดนก็ควรสมน้ำหน้าผมด้วย แต่วันนั้นผมโชคดีไป ที่น้องมันไม่สวนคืนมา คือผมไม่กลัวไง ผมทำไปแล้วไม่กลัวเขาจะสวนคืนมาไง ถ้าเขาสวนคืนมา หรือถ้าควักมีดออกมาแทง ผมก็พร้อมจะไปนอนโรงพยาบาล หรืออาจจะตายก็ได้ ไม่มีปัญหา ก็ผมกล้าทำไง นั่นคือผม (เสียงดัง)” เหตุการณ์ที่มอเตอร์ไซค์ขับมาชน หลายคนมองว่าเป็นการเตรียมกันมา เพื่อปั่นกระแสโปรโมตรายการ? “ไม่ได้เตรียมกันมา” ไม่ได้เตรียมแน่นอน? “ไม่ได้เตรียม ยืนยันๆ ไม่ได้เตรียมกันมา”

ตอนนั้นโจซื้อรถมาราคา? “15 ล้าน (Lamborghini Gallardo) รุ่นเดียวกับ บอย ปกรณ์ ที่ซื้อมานั่นแหละ (ยิ้ม)” สีเดิมๆ ของรถคันนี้คือสีอะไร? “สีเหลืองนี่แหละครับ แล้วผมก็เอาสติกเกอร์เขียวมาคาด” ตกแต่งลัมโปร์กินี่ให้เป็นแท็กซี่ หมดเงินไปเท่าไร เพื่อมาใช้ถ่ายทำรายการ? “ไม่เยอะ (ยิ้ม) ประมาณพันบาท ไม่กี่พัน อย่างป้ายไฟแท็กซี่ก็ขอมาฟรี (ยิ้ม) เพื่อนให้มา ก็เสียแค่ค่าสติกเกอร์”

ต้องเสียเงินซ่อมกระจกรถเอง? “ซ่อมเองอยู่แล้ว โห! เฉพาะตัวกระจกก็ประมาณ 5-6 หมื่นแล้ว ยังมีสีถลอกข้างๆ อีกนะ ยังไม่ได้เช็กราคา” แปลกเนอะ ทำไมไม่ทำประกัน? “รถคันนี้ก็ไม่ได้ขับแล้วอ่ะ ถ้าเคยผ่อนรถจะรู้ว่าไฟแนนซ์บังคับให้ทำประกันภัย ผมไม่ได้ติดไฟแนนซ์ที่เขาจะทำประกัน ผมซื้อเงินสด จะทำหรือไม่ทำก็ได้ แล้วตอนนี้ผมก็ไม่ได้ขับคันนี้แล้ว ส่วนใหญ่ผมจะไปขับ เฟอร์รารี่ กับปอร์เช่” ตอนนี้โจมีรถซุปเปอร์คาร์อยู่กี่คัน? “ลัมโบร์ฯ มีคันเดียวครับ แล้วก็มีเฟอร์รารี่, ปอร์เช่ อย่างละคัน รวม 3 คัน”

มีโครงการจะซื้อรถซุปเปอร์รุ่นไหนมาอีก? “ไม่ค่อยอยากจะได้อีกแล้ว เหมือนความฝันมันเปลี่ยนไป ตอนนั้นเป็นวัยรุ่นก็อยากได้รถ พอโตมาความฝันเปลี่ยนไป ตอนนี้มีความฝันว่า เฮ้ย เราไปที่ไหน ก็เห็นธุรกิจของเรา เป็นความฝันที่อยากจะสร้าง อย่างไปเชียงใหม่ ก็เห็นธุรกิจของเรา เหมือนร้านอาหาร เอ็มเค, ฟูจิ ไปไหนเราก็จะเห็น” ตอนนี้ทำธุรกิจอะไรอยู่? “ผมมีธุรกิจหลักก็คือ ทำจอแอลอีดี ขายก็มี ส่วนใหญ่จะให้เช่าจอแอลอีดี เช่น อีเวนต์, คอนเสิร์ต ล่าสุด ก็คอนเสิร์ต D2B ส่วนใหญ่จะทำงานกับอาร์เอส”

ธุรกิจติดตั้งแก๊สรถยนต์ ก็ยังทำอยู่หรือไม่? “ยังทำอยู่ ก็ไม่ได้โตขึ้นมามากเท่าไร ธุรกิจแก๊สเงียบไปนิดหนึ่ง แต่ว่าเราก็ยังอยู่ได้ เพราะผมทำให้แท็กซี่ไง คือแท็กซี่ทุก 9 ปี มันจะหมดสภาพ อย่างแท็กซี่ไม่ติดไม่ได้ ทุกคันต้องติดแน่นอน มันก็เลยมีงานตรงนี้” ย้อนอดีตไปหน่อย ตอนที่โจไปออกรายการ VIP เล่าถึงประวัติและชีวิตการทำธุรกิจติดตั้งแก๊สรถยนต์ ก็มีเสียงวิพาษก์วิจารณ์โน่น นั่น นี่ ตามมาเยอะทีเดียว? “โอ๊ย! ถ้ามันเป็นเรื่องจริงอย่าง นาธาน โอมาน แป๊บเดียวก็ถูกจับ ถ้าคนโกงจริง แป๊บเดียวก็ถูกจับ ถ้าโกงจริงหลักฐานต้องมี อย่างคดีของ บอย ปกรณ์ เห็นมั้ย ขนาดโกงกันรอบคอบ มันก็ต้องถูกจับอยู่แล้ว” ข่าวไม่ดีต่างๆ นานาที่ผ่านมา ได้บั่นทอนจิตใจหรือไม่? “(ยิ้ม) แรกๆ ก็มีบ้าง แต่พอผ่านไปประมาณ 3 ปีแล้วเนอะ เราก็คิดว่า เฮ้ย ระยะเวลาคงเป็นเครื่องพิสูจน์เอง ถ้าทำมันก็ต้องมีคนมาจับ หรือก็ต้องมีใครออกมาพูด แต่ก็ไม่มี คนที่ออกมาพูดๆ ถึงเรื่องนี้ ความน่าเชื่อถือของเขาก็จะลดลงไปเอง”

เห็นว่ากำลังจะไปเป็นพระเอกหนังแล้ว? “ก็คุยๆ กันอยู่ ก็ต้องไปถาม พี่อ้วน รีเทิร์น นะครับ ว่าพี่อ้วนจะว่ายังไง (ยิ้ม)” พี่อ้วน รีเทิร์น บอกว่าจะเอาไปเป็นพระเอกแน่นอน? “(ยิ้ม) ก็ต้องรอความชัดเจนจากพี่อ้วนอยู่ เห็นบอกว่าบทยังไม่ลงตัวดี ส่วนรายละเอียดเห็นพี่อ้วนบอกว่ากำลังดูอยู่” มั่นใจแค่ไหนที่จะไปเป็นพระเอกหนัง? “(ยิ้ม) ไม่รู้เมื่อกัน ถึงไปเล่นแล้วไม่ดัง เราก็ไม่ได้เสียหายอะไร” ละครอยากลองเล่นดูด้วย? “ก็อยากเล่นอยากลองนะ ว่าครั้งหนึ่งในชีวิต เราทำได้มั้ย อยากลองๆๆ”

กำลังตามจีบ ขวัญ อุษามณี อยู่จริงเหรอ จริงหรือเม้าท์มั่ว? “เม้าท์อ่ะดิ! ไม่มีอะไรครับ ไม่มีอะไรๆ รู้จักแค่ว่าเป็นดารา ไม่เคยจีบเลย” สรุปตอนนี้โสด? “ไปเรื่อยๆ ครับ ก็ไม่ได้คบใครเป็นจริงจัง ก็มีคุยๆ กันบ้าง” ที่ว่าคุยๆ อยู่ เป็นสาวนอกวงการ? “ใช่ครับ เป็นคนนอกวงการ ไม่อยากจะคบคนในวงการ ตอนคบๆ กันก็อาจจะดีอยู่ แต่พอเลิกอาจจะเสียคนได้ (ยิ้มกว้าง) ขอคบคนนอกวงการไปก่อน” ไม่อยากจะจีบสาวๆ ในวงการ? “เออๆ คือทำตัวลำบาก” สาวที่บอกว่ากำลังคุยๆ กันอยู่ คบกันนานหรือยัง “เพิ่งเริ่มคุยกันครับ ประมาณ 3 เดือน ยังบอกไม่ได้ ยังไม่เปิดเผย ยังไม่ชัดเจน (อมยิ้ม)”

กำลังจะมีธุรกิจใหม่อีก? “ทำแล้วครับ เป็นธุรกิจเกี่ยวกับอาหาร ทำร้านอาหารญี่ปุ่น ทำกันเล็กๆ ไปก่อน ยอดขายโอเคเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ โห กว่ารสชาติจะนิ่ง ก็นานอยู่” รายการทีวี อยากจะผลิตเองหรือไม่ เป็นเจ้าของรายการเองไปเลย? “ต้องรอดูรายการนี้ก่อน ว่าจะไปรอดมั้ย ทำตรงนี้ให้ดีที่สุดก่อน รอเก็บประสบการณ์ไประยะหนึ่งก่อน เราก็ยังใหม่กับตรงนี้เนอะ”

โจเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จไว ตั้งแต่ยังเป็นหนุ่มแน่นอยู่เลย อยากจะแนะนำอะไรกับนักธุรกิจหน้าใหม่บ้าง? “อยากจะทำอะไร ให้เริ่มทำเล็กๆ ไปก่อน ฝึกประสบการณ์ ทำธุรกิจไม่ใช่แปลว่าคุณรวยแค่ไหนหรอกนะ การจะประสบความสำเร็จมันไม่มีการันตีหรอกครับ แม้กระทั่งผมเองตอนทำธุรกิจใหม่ๆ มันก็ไม่ได้การันตีว่าผมจะประสบความสำเร็จ ผมจะทำอะไรก็ทำเล็กๆ ไปก่อน” ถ้ามันดีขึ้นๆ ก็ค่อยขยายๆ? “ใช่แล้ว ถ้าเราเจ็บตัวก็เจ็บตัวไม่เยอะ อย่าไปเริ่มต้นแบบหรู ให้มันเท่ ให้มันใหญ่ เพราะถ้าคุณทำธุรกิจที่มันใหญ่ๆ มันซับซ้อน ถ้าไม่ชำนาญไม่คล่อง โอกาสผิดพลาดมันก็ยิ่งเยอะ อย่างธุรกิจที่ขนาดเล็กๆ ดูแลไม่กี่คน คุณทำมันได้ ถ้าคล่องกับมันแล้ว คุณค่อยขยายใหญ่”

คิดยังไงที่บางคนบอกว่า โจเป็นหนุ่มที่สาวๆ อยากได้มาเป็นแฟน เพราะหล่อ รวย เก่ง เรียกว่าครบสูตรหนุ่มในฝัน? “(ยิ้มเขินหน้าแดง) ก็ดีนะ ก็รู้สึกดีอ่ะ” สาวๆ มีเข้ามาจีบเรื่อยๆ? “มีบ้างนะ มีเข้ามาทัก เราก็ต้องคิดนิดหน่อย เพราะเราไม่รู้จักเขา ไม่รู้ว่าจะเข้ามาแบบไหน” ปกติโจจะจีบสาวแบบไหน? “ก็บอกไปตรงๆ นี่แหละ เออ! เราชอบนี่แหละ” บอกไปตรงๆ เลย? “ใช่แล้ว บอกไปเลย คือผมอยากจะเริ่มต้นกับคนที่เขารู้สึกชอบเราเหมือนกัน ถ้าคบไปเขาไม่ชอบเราก็เหมือนฝืน ตบมือข้างเดียวอาจจะไม่มีความสุขก็ได้ อยากจะคบแบบ เราก็ชอบและเขาก็ชอบเรา” ในอดีตเคยไปจีบนางเอกมาก่อน? “ไม่เคย ยังไม่อยากเป็นข่าว”

ชาวสีรุ้งกลุ่มเกย์ ก็น่าจะมีเข้ามาจีบโจบ้าง? “(ยิ้ม) ก็มีเข้ามาคุยบ้าง เข้ามาคุยได้ คือเราก็มีเพื่อนเป็นเกย์อยู่แล้ว กลุ่มพวกนี้เราไม่ได้รังเกียจอยู่แล้ว เขาก็ไม่ได้ทำความเสียหายอะไรให้กับเรา ไม่ได้สร้างปัญหาให้กับชีวิตผม” มีคนทักๆ บ้างมั้ย หน้าตาคล้ายๆ ลีดองวุค ซุปตาร์เกาหลี? “(ยิ้ม) พอมีบ้าง” โจหุ่นก็เป๊ะอยู่นะ ถ้ามีนิตยสารชื่อดัง ติดต่อมาให้ถ่ายชุดว่ายน้ำ จะถ่ายหรือไม่? “(ยิ้มเขิน) ชุดว่ายน้ำ...ขอคิดก่อนแล้วกัน (ยิ้มจนตาตี่) เออ! อาจจะไม่นะ!”

ปกติให้อาหารสมองกับตัวเองอย่างไร? “อ่านหนังสือ ไปต่างประเทศบ้าง ไปทั้งประเทศที่พัฒนาแล้ว เราจะได้รู้ว่าเรายังมีอะไรที่ตามเขาอยู่ หรือไปประเทศที่ด้อยกว่าเรา ก็จะได้รู้ว่า เฮ้ย ยังมีอะไรที่ด้อยกว่าประเทศเรา มันจะได้เห็นจุดเปรียบเทียบไง” อยากให้เมืองไทยเรา พัฒนาตรงจุดไหนมากที่สุด? “เป็นมุมมองของผมนะ อยากให้ไทยพัฒนาศักยภาพการผลิตให้ดีกว่า พอเราใช้ของที่ผลิตในประเทศเราเอง ก็จะมีเงินที่จะมาพัฒนาต่อไป เพราะตอนนี้เงินเราไหลออกจากประเทศ เช่น โทรศัพท์มือถือเราก็ใช้ของเกาหลี, อเมริกา โทรทัศน์, เครื่องใช้ไฟฟ้า, รถยนต์ เราก็ใช้ของเกาหลี, ญี่ปุ่น เราเกือบจะไม่ได้ใช้อะไรที่เป็นของไทยเลย กระเป๋า, เสื้อผ้า สิ่งของต่างๆ เกินร้อยละ 50 เราใช้ของนอกหมด พอเราไปซื้อของประเทศอื่น เงินเราก็ไหลไปประเทศอื่น ประเทศที่พัฒนาแล้ว เขาก็ใช้แต่ของเขา เงินก็อยู่ในประเทศเขาเอง พอมีเงินเยอะ ก็เอามาสร้างโน่น นั่น นี่ พัฒนาประเทศได้เยอะขึ้น คือคนไทยต้องผลิตให้มันได้ เพื่อที่คนไทยจะได้ใช้ของในไทย เงินจะได้ไม่ไหลไปนอกประเทศ ถูกมั้ย ไม่งั้นเงินของคนไทยก็ไหลไปที่ญี่ปุ่น, เกาหลีบ้าง”

สินค้าไทยบางอย่างไม่ค่อยดี ไม่ค่อยมีคุณภาพไง คนเลยไม่ชอบใช้กัน? “(รีบพูด) ผมถึงบอกไงว่า ก็ต้องพัฒนาคุณภาพการผลิตให้ดีเท่าเขาไง ถ้าดีแล้วเราก็จะใช้ได้” แต่!!! คนไทยส่วนใหญ่ก็ยังมีค่านิยม ไม่ชอบใช้ของไทยกันอยู่นะ ค่านิยมตรงนี้จะแก้ยังไงดี? “ผมมีเพื่อนเป็นคนเกาหลีนะ เขาบอกว่าคนไทยแปลกมาก มีแต่บอกว่าใช้ของไทยแล้วไม่ดีนะ เพื่อนผมบอกว่าในโรงเรียน เขาสอนกันตั้งแต่เด็กๆ เลยว่า ประเทศเกาหลีเราเป็นประเทศที่ไม่มีทรัพยากรอะไรเลย เราเป็นคนเกาหลีของจะดีหรือไม่ดี ก็ต้องใช้สินค้าเกาหลีกันก่อน ถ้าเราไม่ใช้สินค้าของเราเอง ประเทศเราก็จะยิ่งแย่ จะอยู่กันไม่รอด! เพราะฉะนั้น เราก็ช่วยๆ กันใช้ของเกาหลี เขาปลูกฝังกันอย่างนี้เลยว่า ดีไม่ดียังไงก็ต้องใช้!

“ยกตัวอย่างโทรศัพท์มือถือเกาหลี เมื่อก่อนสู้ที่ญี่ปุ่นไม่ได้เลย แต่ตอนนี้พัฒนาไปแล้วสู้ได้ เพราะว่าเขาผลิตออกมายังไงก็ขายได้ พอขายได้ก็มีแรงที่จะโต มีเงินที่จะเอามาต่อยอด นึกออกมั้ย สินค้าพอมันโตในประเทศแล้ว มันก็จะไปต่างประเทศต่อได้ ถ้าคุณทำเล็กๆ แล้วจะไปต่างประเทศเลย ตายสิครับ จะเอากำลังที่ไหนไปสู้เขาล่ะ หรืออย่างมาเลเซีย ก็ยังมีรถยนต์ ของเขาเองเลย รัฐบาลเขาเก็บภาษีน้อยไง มันเลยถูกกว่า ทางรัฐบาลเขาก็ช่วยด้วย ทุกประเทศที่เจริญๆ แล้วมีรถยนต์ของตัวเองหมดแล้ว ลองไล่นับดูได้”.

หางานตามสาขาอาชีพ

JOBBKK.COM © สงวนลิขสิทธิ์ All Right Reserved

jobbkk มีเพียงเว็บเดียวเท่านั้น ไม่มีเว็บเครือข่าย โปรดอย่าหลงเชื่อผู้แอบอ้าง และหากผู้ใดแอบอ้าง ไม่ว่าทาง Email, โทรศัพท์, SMS หรือทางใดก็ตาม จะถูกดำเนินคดีตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด DBD

Top