ฤทธิ์พายุมูจีแก ทำฝนถล่ม 30จังหวัด เหนือ กลาง อีสาน

  • 11 พ.ค. 2563
  • 643
หางาน,สมัครงาน,งาน,ฤทธิ์พายุมูจีแก ทำฝนถล่ม 30จังหวัด เหนือ กลาง อีสาน

อุตุฯเตือนไทยได้รับอิทธิพลพายุ “มูจีแก” ส่งผลให้ภาคเหนือ อีสาน กลาง และตะวันออกฝนตกเพิ่มมากขึ้นและตกหนักบางพื้นที่ อ.พรานกระต่าย เมืองกล้วยไข่ เกิดน้ำป่าทะลักลงคลองท่วมบ้านเดือดร้อนกว่า 200 หลัง จ.หนองบัวลำภู ฤทธิ์พายุซัดต้นมะขามยักษ์ขนาด 3 คนโอบโค่นล้มขวางถนน เช่นเดียวกับที่ อ.วารินชำราบ เมืองดอกบัว ฝนกระหน่ำน้ำท่วมถนนหน้าห้าง รถติดหนึบ ทหารต้องระดมกำลังไปอำนวยจราจร

หลายจังหวัดยังเจอฤทธิ์พายุ “มูจีแก” พัดถล่มส่งผลให้เกิดฝนตกหนัก น้ำป่าไหลทะลัก โดยเมื่อกลางดึกวันที่ 3 ก.ค. เกิดฝนตกหนักในเขตเทศบาลตำบลพรานกระต่าย อ.พรานกระต่าย จ.กำแพงเพชร ส่งผลให้น้ำป่าจากเทือกเขาเขียวไหลลงคลองแม่ระกา คลองปักมะหว้า และคลองห้วยโค้ง ทะลักท่วมบ้านเรือน ชุมชน ตลาดเทศบาลพรานกระต่าย หมู่ 2, 3, 4 ต.พรานกระต่าย และหมู่ 4, 5, 8, 11 และ 13 ต.ถ้ำกระต่ายทอง ขณะเกิดเหตุชาวบ้านกำลังนอนหลับพักผ่อนได้ยินเสียงสุนัขเห่าเสียงดังผิดปกติจนตกใจตื่นมาพบน้ำไหลเข้าบ้านต้องขนของหนีน้ำโกลาหล ต่อมาช่วงสายวันที่ 4 ต.ค. นายธานี ธัญญาโภชน์ ผวจ.กำแพงเพชร ประสาน พ.ท.ณัฐกร เรือนติ๊บ ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 14 จ.ตาก ลงพื้นที่ช่วยชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนกว่า 200 ครอบครัว

ที่ จ.พิษณุโลก นายสมหวัง ปารสุขสาร ผู้อำนวยการฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษาเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน ต.คันโช้ง อ.วัดโบสถ์ เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำในเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน หลังจากเกิดฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่องในหลายพื้นที่ ส่งผลให้มีน้ำไหลเข้าเขื่อน 4.890 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน ระบายน้ำอยู่ที่ 0.5184 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน ล่าสุดมีน้ำกักเก็บในเขื่อนแควน้อย 310 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 33 เปอร์เซ็นต์ของความจุเขื่อน มีน้ำใช้การได้ 267 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็นปริมาตรน้ำใช้การได้ 28 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งถือว่ายังมีปริมาณไม่เพียงพอ โดยเขื่อนสามารถรองรับน้ำได้อีก 628.560 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็น 67 เปอร์เซ็นต์

จ.ระยอง ฝนที่ตกหนักติดต่อกัน 2-3 วัน ทำให้ผู้ประกอบการย่านศูนย์การค้าระยอง เขตเทศบาลนครระยอง นำกระสอบทรายมาปิดหน้าร้านเพื่อป้องกันน้ำท่วมรอบ 2 ขณะที่สถานการณ์น้ำในคลองต่างๆเพิ่มสูงขึ้น เจ้าหน้าที่เทศบาลนครระยอง เทศบาลตำบลเนินพระ และเทศบาลตำบลทับมา ออกสำรวจน้ำตามลำคลองพร้อมระดมเครื่องสูบน้ำมาระบายน้ำที่ท่วมขัง 10 เครื่อง และเตรียมสำรองอีก 5 เครื่อง ด้านนายประสานต์ พฤกษาชาติ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานจังหวัดระยอง เผยว่า ขณะนี้น้ำในอ่างเก็บน้ำดอกกราย อ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล และอ่างเก็บน้ำคลองใหญ่ รวมกันมีน้ำประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ เพียงพอที่จะใช้ในปีหน้าอย่างสบาย

ส่วนที่ จ.หนองบัวลำภู เกิดฝนตกหนักและลมกระโชกแรงกลางดึก ทำให้ต้นมะขามขนาด 3 คนโอบ โค่นล้มขวางถนนวิจารณ์รังสรรค์ หมู่ 2 ต. หนองบัว อ.เมืองหนองบัวลำภู รถไม่สามารถผ่านไปมาได้ กิ่งไม้ยังฟาดสายไฟจนเสาไฟฟ้าหักโค่นลงมา นายไพบูลย์ บุญกว้าง อายุ 62 ปี อยู่บ้านเลขที่ 78 หมู่ 2 ต.หนองบัว เปิดเผยว่า เมื่อคืนเวลาประมาณตี 3 มีฝนตกนาน 1 ชม. จากนั้นช่วงใกล้รุ่งได้ยินเสียงดังสนั่น นึกว่ารถชนต้นมะขามใหญ่ เมื่อออกไปดูพบต้นมะขามหน้าบ้านล้มขวางถนนอยู่และมีไฟช็อตที่เสาไฟ จึงแจ้งการไฟฟ้าฯมาตัดไฟเพื่อป้องกันอันตราย

ที่ จ.อุบลราชธานี พลตรีอธิร์ฉัตร โรจนภิรมย์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 22 ปล่อยขบวนกำลังพลออกช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากภัยพิบัติจากพายุมูจีแก ส่วนหนึ่งไปอำนวยความสะดวกการจราจรให้แก่ประชาชน บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้า บิ๊กซีฯ สาขาวารินชำราบ และห้างสรรพสินค้าโลตัส สาขาวารินชำราบ ถนนอุบล-กันทรลักษ์ เนื่องจากเกิดฝนตกหนักตั้งแต่ช่วงเช้ามืดที่ผ่านมาติดต่อกันหลายชั่วโมง ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมขังประมาณ 20-30 เซนติเมตร ระยะทางประมาณ 500 เมตร ทำให้รถติดยาว

ด้าน พ.ต.ต.วีระพันธ์ โสมอินทร์ พงส.สภ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา รับแจ้งตอนตีหนึ่งวันที่ 4 ต.ค.ว่าเกิดเหตุเรือล่มและมีคนจมน้ำเสียชีวิตบริเวณปากอ่าวแม่น้ำบางปะกง หมู่ 8 ต.ท่าข้าม ประมาณ 300 เมตร ไปตรวจสอบพบญาตินำศพมาขึ้นฝั่งแล้วทราบชื่อนายแก่น ชลธาร อายุ 50 ปี สอบสวนญาติทราบว่า เมื่อคืนนายแก่นนำเรือบรรทุกปลาที่จับได้ไปส่งที่สะพานปลาฝั่งบางปะกง มีนายเด่น ลูกน้องนั่งไปด้วย ระหว่างแล่นเรือออกจากฝั่งมีฝนตกหนักและลมพายุพัดอย่างรุนแรง ทำให้เรือล่มบริเวณปากอ่าว ทั้งคู่พยายามว่ายน้ำเข้าฝั่ง แต่นายแก่นหมดแรงจมน้ำเสียชีวิตดังกล่าว ญาติต้องรอให้น้ำลดถึงเที่ยงคืนจึงนำเรือออกค้นหา กระทั่งพบร่างจมโคลนอยู่

นายเอกศิษฐ์ ศักดิ์ดีธนาภรณ์ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท กล่าวว่า ผลพลอยได้จากพายุมูจีแกที่เริ่มส่งผลกระทบต่อไปช่วงวันที่ 4-6 ต.ค. ทำให้น้ำในเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆและวันนี้ระดับน้ำสูงกว่าตลิ่งแล้วแต่ไม่ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมริมแม่น้ำเจ้าพระยา เพราะระดับน้ำเหนือเขื่อนริมฝั่งเจ้าพระยา ที่ทางกรมชลประทานตั้งไว้อยู่ที่ 16.75 ม.รทก. เพื่อจะกักเก็บน้ำไว้ใช้หลังวันที่ 1 พ.ย.-ปลายเดือน พ.ค. 59 ตามแผนกักเก็บน้ำของกรมชลประทาน ที่ต้องมีน้ำรวมทั้ง 4 เขื่อนได้แก่เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อย เขื่อนป่าสัก ไม่ต่ำกว่า 3,600 ล้าน ลบ.ม. แต่ขณะนี้มีอยู่เพียง 2,600 ล้าน ลบ.ม. คาดว่าพายุมูจีแก จะทำให้ระดับน้ำเพิ่มขึ้นตามแผนที่คาดการณ์ล่วงหน้าไว้อย่างแน่นอน

ที่ จ.นนทบุรี สายวันเดียวกัน นายวิสิษฎ์ พวงเพชร นายอำเภอปากเกร็ด จ.นนทบุรี ร่วมกับนายปรีดา เชื้อผู้ดี นายก อบต.ท่าอิฐ อ.ปากเกร็ด ตรวจสอบกำแพงวัดเชิงเลน หมู่ 8 ต.ท่าอิฐ อ.ปากเกร็ด ที่พังถล่มเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา พบกำแพงวัดสูงกว่า 3 เมตร ด้านบ้านพักแม่ชีและติดคลองพังถล่มเสียหายยาวกว่า 30 เมตร โดยนายปรีดา กล่าวว่า กำแพงวัดเชิงเลนก่อสร้างมา 20 กว่าปีแล้ว สาเหตุทำให้กำแพงวัดพังเสียหายเนื่องจากช่วงนี้มีฝนตกชุก ทำให้ดินยุบตัวสไลด์ลงคลองกำแพงถล่มตามไปด้วย เบื้องต้นได้ใช้แผ่นเหล็กชีทไพล์กันแนวดินเพื่อไม่ให้ดินสไลด์ลงไปอีก และจะจัดงบประมาณสร้างใหม่ต่อไป

ส่วนกรณีเรือบรรทุกสินค้าภัทรมารีน 5 อับปางลงกลางทะเลอ่าวไทยห่างจากฝั่งประมาณ 7 ไมล์ทะเล ตั้งแต่วันที่ 18 ก.ย.ที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้ ยังไม่พบลูกเรือที่สูญหาย 4 คน ล่าสุดทางครอบครัวยังคงมาเฝ้าติดตามข่าวที่สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาสมุทรปราการ ด้านนายสุรัฐ ศิริไสยาสน์ ผอ.สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาสมุทรปราการ กล่าวว่า ขณะนี้สภาพอากาศยังเป็นอุปสรรคการกู้เรือ จากเดิมที่กำหนดภารกิจวันนี้จะกู้เรือได้ แต่ก็ต้องล่าช้าออกไปอีกเพราะอิทธิพลของพายุฝน ส่วนลูกเรือ 4 คน คาดหลังจากยกเรือขึ้นมาได้ก็มีความหวังว่าจะพบร่างอยู่ภายในเรือ

วันเดียวกัน ศูนย์ป้องกันน้ำท่วม กทม.แจ้งว่า พื้นที่ กทม.และปริมณฑล ยังมีเมฆมาก กับมีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไปร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง และมีน้ำท่วมขังบริเวณถนนสุวินทวงศ์ ช่วงแยกไปรษณีย์ ปริมาณน้ำสูง 15-20 ซม. ระยะทาง 300 เมตร และ 2 ถนนสุวินทวงศ์ ช่วงแยกราษฎร์อุทิศ มีปริมาณน้ำขังสูง 15-20 ซม. ระยะทาง 300 เมตร ด้านนายสมพงษ์ เวียงแก้ว รอง ผอ.สำนักการระบายน้ำ (สนน.) เปิดเผยว่า จากการประชุมติดตามสถานการณ์ฝนตกในพื้นที่ กทม. นายอมร กิจเชวงกุล รอง ผู้ว่าฯกทม. ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ กทม.เตรียมพร้อม เฝ้าระวังทุกจุดเสี่ยงตลอดเวลา ทั้งเครื่องสูบน้ำ เจ้าหน้าที่ และเตรียมการประสานหน่วยอื่นๆเช่น ทหาร ตำรวจ

นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวถึงพายุมูจีแกที่ส่งผลกระทบต่ออากาศของประเทศไทย ช่วงวันที่ 4-7 ต.ค. ทำให้มีฝนตกหนักบางแห่งในภาคเหนือตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือว่า ปภ.เตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาวาตภัย อุทกภัย และดินถล่ม อันเกิดจากฝนตกหนักและคลื่นลมแรง โดยสั่งให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย 8 ศูนย์ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด 32 จังหวัดประกอบด้วยภาคเหนือ 13 จังหวัด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 10 จังหวัด ภาคตะวันออก 4 จังหวัด และภาคใต้ 5 จังหวัด จัดเจ้าหน้าที่และมิสเตอร์เตือนภัยติดตามสภาพอากาศอย่างใกล้ชิด เฝ้าระวังสถานการณ์ภัยตลอด 24 ชั่วโมง

ด้านกรมอุตุนิยมวิทยา รายงานลักษณะอากาศของประเทศไทยที่ได้รับผลกระทบจากอิทธิพลพายุไต้ฝุ่น “มูจีแก” ว่า พายุนี้จะขึ้นฝั่งบริเวณเมืองซานเจี้ยน มณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีนในวันนี้ และจะทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มมากขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก ส่วนมากบริเวณจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย น่าน แพร่ ลำพูน ลำปาง ตากกำแพงเพชร สุโขทัย พิษณุโลก เพชรบูรณ์ หนองบัวลำภู อุดรธานี ขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ อุบลราชธานี ชัยนาท นครสวรรค์ กาญจนบุรี ราชบุรี สุพรรณบุรี นครนายก ปราจีนบุรี ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนสะสมในระยะนี้ไว้ด้วย สำหรับกรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีเมฆมาก กับมีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง

หางานตามสาขาอาชีพ

JOBBKK.COM © สงวนลิขสิทธิ์ All Right Reserved

jobbkk มีเพียงเว็บเดียวเท่านั้น ไม่มีเว็บเครือข่าย โปรดอย่าหลงเชื่อผู้แอบอ้าง และหากผู้ใดแอบอ้าง ไม่ว่าทาง Email, โทรศัพท์, SMS หรือทางใดก็ตาม จะถูกดำเนินคดีตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด DBD

Top