ฉลุยทั่วไทย แนะทางเลี่ยงชี้ทางลัด กลับบ้านปีใหม่ ถึงไวกว่าเดิม!

  • 11 May 2020
  • 2033
หางาน,สมัครงาน,งาน,ฉลุยทั่วไทย แนะทางเลี่ยงชี้ทางลัด กลับบ้านปีใหม่ ถึงไวกว่าเดิม!

ในช่วงเทศกาล "ปีใหม่ 2559" ที่จะมาถึงนี้ ถือเป็นช่วงเวลาที่ใครหลายคนเดินทางกลับภูมิลำเนา รวมไปถึงอีกหลายครอบครัวที่จะใช้โอกาสนี้เดินทางไปพักผ่อนในช่วงวันหยุดยาวตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ส่งผลให้ช่วงเวลาดังกล่าวมีการจราจรหนาแน่น โดยเฉพาะเส้นทางสายหลักที่มุ่งหน้าสู่ภูมิภาคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นภาคเหนือ ใต้ ตะวันออก ตะวันตก โดยในปีนี้ตำรวจทางหลวงคาดการณ์ว่า ประชาชนส่วนใหญ่จะทยอยเดินทางกลับต่างจังหวัดเป็น 2 ช่วง คือ ในช่วงเย็นวันที่ 25-26 ธันวาคม และในช่วงเย็นวันที่ 30 ธันวาคม ถนนหลายสายอาจจะมีปริมาณรถคับคั่ง วันนี้ "ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์" จึงมีเส้นทางมาแนะนำเพื่อหลีกเลี่ยงการจราจรที่ติดขัดไว้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของคนที่จะเดินทางในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่จะมาถึงนี้

 

การเดินทางสู่ภาคเหนือ

1. เดินทางจากกรุงเทพฯ โดยใช้ทางหลวงหมายเลข 32 (สายเอเชีย) มุ่งหน้าจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ผ่าน จังหวัดอ่างทอง - จังหวัดสิงห์บุรี - จังหวัดนครสวรรค์ จากนั้นใช้ทางหลวงหมายเลข 1 (ถนนพหลโยธิน) เพื่อมุ่งหน้าสู่จังหวัดพิจิตร จังหวัดพิษณุโลก จังหวัดสุโขทัย จังหวัดอุตรดิตถ์ และเดินทางไปยังภาคเหนือต่อไป

2. เดินทางจากกรุงเทพฯ โดยใช้ทางหลวงหมายเลข 1 (ถนนพหลโยธิน) มุ่งหน้าจังหวัดสระบุรี ผ่านจังหวัดลพบุรี - อำเภอตากฟ้า จังหวัดนครสวรรค์ เพื่อมุ่งหน้าสู่จังหวัดพิจิตร จังหวัดพิษณุโลก จังหวัดสุโขทัย จังหวัดอุตรดิตถ์ และขึ้นภาคเหนือต่อไป 

3. ออกจากกรุงเทพฯ โดยใช้ทางหลวงหมายเลข 340 มุ่งหน้าจังหวัดสุพรรณบุรี ผ่านจังหวัดชัยนาท เพื่อเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 1 (ถนนพหลโยธิน) มุ่งหน้าอำเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์ จากนั้นใช้ทางหลวงหมายเลข 122 (ทางเลี่ยงเมืองจังหวัดนครสวรรค์) เพื่อมุ่งหน้าสู่จังหวัดกำแพงเพชร จังหวัดตาก จังหวัดลำปาง และจังหวัดเชียงใหม่ต่อไป


เส้นทางเลี่ยงรถติดในช่วง จ.นครสวรรค์

เส้นทางที่ 1 : จากต่างระดับอินทร์บุรี เลี้ยวขวา ใช้ทางหลวงหมายเลข 11 ผ่าน อ.ตากฟ้า ท่าตะโก สากเหล็ก ถึงสามแยกวังทอง เลี้ยวซ้าย มุ่งสู่ จ.พิษณุโลก



เส้นทางที่ 2 : เมื่อถึงแยกเลี่ยงเมืองนครสวรรค์ (กม. 331+810 บนทางหลวงหมายเลข 1) เลี้ยวซ้าย ใช้ทางเลี่ยงเมืองนครสวรรค์ (ทางหลวงหมายเลข 122) ถึงสามแยกหนองตะโก เลี้ยวซ้ายไป จ.กำแพงเพชร หรือเลี้ยวขวาไป จ.พิษณุโลก

 

การเดินทางสู่ภาคอีสาน



1. เดินทางจากกรุงเทพฯ โดยใช้ทางหลวงหมายเลข 1 (ถนนพหลโยธิน) มุ่งหน้าจังหวัดสระบุรี ผ่านอำเภอม่วงค่อม (ทางหลวงหมายเลข 205) - อำเภอท่าหลวง (ทางหลวงหมายเลข 2256) - อำเภอด่านขุนทด (ทางหลวงหมายเลข 2148) - อำเภอขามทะเลสอ (ทางหลวงหมายเลข 2068) เพื่อมุ่งหน้าสู่จังหวัดนครราชสีมาต่อไป

2. เดินทางจากกรุงเทพฯ โดยใช้ทางหลวงหมายเลข 305 (รังสิต - นครนายก) มุ่งหน้าจังหวัดนครนายก ผ่านอำเภอบ้านนา จากนั้นใช้ทางหลวงหมายเลข 2 (ถนนมิตรภาพ) ผ่านอำเภอแก่งคอย - อำเภอปากช่อง เพื่อมุ่งหน้าสู่จังหวัดนครราชสีมาต่อไป ส่วนเส้นทาง 3 สามารถเดินทางจากกรุงเทพฯ โดยใช้ทางหลวงหมายเลข 314 (บางปะกง - ฉะเชิงเทรา) มุ่งหน้าจังหวัดฉะเชิงเทรา จากนั้นใช้ทางหลวงหมายเลข 304 ผ่านอำเภอพนมสารคาม - อำเภอกบินทร์บุรี - อำเภอวังน้ำเขียว - อำเภอปักธงชัย เพื่อมุ่งหน้าสู่จังหวัดนครราชสีมาต่อไป

แนะนำเส้นทางเลี่ยงรถติดสู่ภาคอีสาน

เส้นทางที่ 1 : จากถนนกาญจนาภิเษก (วงแหวนตะวันออก) มุ่งหน้าสู่ต่างระดับบางปะอิน เลี้ยวขวาเข้าถนนพหลโยธิน (ทางหลวงหมายเลข 1) มุ่งสู่สระบุรี เพื่อไป ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ



เส้นทางที่ 2 : จากถนนกาญจนาภิเษก (วงแหวนตะวันออก) มุ่งหน้าสู่ต่างระดับบางปะอิน เลี้ยวขวาเข้าถนนพหลโยธิน (ทางหลวงหมายเลข 1) มุ่งสู่สระบุรี เพื่อไป ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ



เส้นทางที่ 3 : ใช้ถนนรามอินทรา - สุวินทวงศ์ (ทางหลวงหมายเลข 304) ผ่านฉะเชิงเทรา, พนมสารคาม, กบินทร์บุรี, ปักธงชัย เพื่อไป ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ



เส้นทางที่ 4 : เดินทางไปยังจังหวัดเพชรบูรณ์-ลพบุรี ให้สังเกตป้ายเลี่ยงเมืองสระบุรี เพชรบูรณ์-ลพบุรี เลี้ยวซ้ายบริเวณแยกหินกอง แล้วจึงตรงไปจนถึงแยกร่องแซงแล้วเลี้ยวขวา แล้วจึงตรงไปจนถึงเส้นเลี่ยงเมืองสระบุรี

เส้นทางเลี่ยงรถติดในช่วง จ.สระบุรี

เส้นทางที่ 1 : จากแยกเลี่ยงเมืองสระบุรี เลี้ยวขวาเข้าถนนวงแหวนรอบเมืองสระบุรีด้านตะวันออก (ทางหลวงหมายเลข 362) บรรจบถนนมิตรภาพ เลี้ยวขวาเพื่อมุ่งสู่ จ.นครราชสีมา



เส้นทางที่ 2 : จากแยกเลี่ยงเมืองสระบุรี เลี้ยวขวาเข้าถนนวงแหวนรอบเมืองสระบุรีด้านตะวันตก (ทางหลวงหมายเลข 362) บรรจบทางหลวงหมายเลข 21 มุ่งหน้าไปทาง จ.เพชรบูรณ์ ถึงแยกอำเภอท่าหลวง จ.ลพบุรี เลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 2256 ถึง อ.ด่านขุนทด เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 201 ไป จ.ชัยภูมิ เพื่อไปภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

 

การเดินทางสู่ภาคใต้

1. เดินทางจากกรุงเทพฯ โดยใช้ทางหลวงหมายเลข 35 (ถนนธนบุรี - ปากท่อ/ถนนพระราม 2) มุ่งหน้าจังหวัดสมุทรสาคร ผ่านจังหวัดสมุทรสงคราม - แยกวังมะนาว จากนั้นใช้ทางหลวงหมายเลข 4 (ถนนเพชรเกษม) เพื่อมุ่งหน้าสู่จังหวัดเพชรบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดชุมพร และเดินทางไปยังภาคใต้ต่อไป 

2. เดินทางจากกรุงเทพฯ โดยใช้ทางหลวงหมายเลข 4 (ถนนเพชรเกษม) มุ่งหน้าอำเภอสามพราน ผ่าน อำเภอนครชัยศรี - จังหวัดนครปฐม - จังหวัดราชบุรี - แยกวังมะนาว - จังหวัดเพชรบุรี เพื่อมุ่งหน้าสู่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดชุมพร ไปยังภาคใต้ต่อไป

3. เดินทางจากกรุงเทพฯ โดยใช้ทางหลวงหมายเลข 338 (ถนนบรมราชชนนี/ถนนปิ่นเกล้า - นครชัยศรี) จากนั้นใช้ทางหลวงหมายเลข 4 (ถนนเพชรเกษม) มุ่งหน้าอำเภอนครชัยศรี ผ่านจังหวัดนครปฐม - จังหวัดราชบุรี - แยกวังมะนาว - จังหวัดเพชรบุรี เพื่อมุ่งหน้าสู่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดชุมพร และเดินทางไปยังภาคใต้

 

พล.ต.ต.สมชาย เกาสำราญ ผบก.ทล. วางมาตรการป้องกันอุบัติเหตุ

พล.ต.ต.สมชาย เกาสำราญ ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง (ผบก.ทล.) เปิดเผยว่า ปีนี้คาดว่าประชาชนจะออกเดินทางสู่ต่างจังหวัดกันมาก 2 ช่วง คือ ในช่วงเย็นวันที่ 25-26 ธันวาคม และในช่วงเย็นวันที่ 30 ธันวาคม และเดินทางกลับในวันที่ 1 ม.ค. ซึ่งเป็นช่วงที่การจราจรหนาแน่นมาก ได้สั่งให้ตำรวจทางหลวงทุกพื้นที่ทั่วประเทศเตรียมความพร้อมในการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่จะเดินทางกลับภูมิลำเนา โดยให้ทุกกองกำกับการ และทุกสถานีตำรวจทางหลวงออกแผนการปฏิบัติ ให้มีสถานที่จอดรถ ที่พักผ่อน น้ำ และเครื่องดื่มไว้บริการประชาชน สำรวจจุดเสี่ยงต่างๆ เพื่อหามาตรการป้องกันอุบัติเหตุ และมีการซักซ้อมการปฏิบัติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถวิทยุตรวจการณ์จะต้องมีอุปกรณ์ประจำรถ ให้พร้อมในการช่วยเหลือเมื่อเกิดอุบัติเหตุ หรือขัดข้องขณะเดินทาง

 

ช่วงต่างระดับบางปะอิน คาดว่าจะเป็นจุดที่การจราจรติดขัดเป็นพิเศษ

ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง กล่าวต่อว่า คาดว่าจุดที่จะมีปัญหามากที่สุดคือ ช่วงต่างระดับบางปะอิน ซึ่งมีช่องทางถึง 5 เส้นทางมาบรรจบ และมีปั๊มน้ำมันจำนวนหลายแห่งที่ประชาชนใช้เป็นที่นัดแนะเส้นทางเพื่อพบกัน จะทำให้การจราจรติดขัดเป็นพิเศษ แนะนำว่าควรหลีกเลี่ยง ซึ่งทางกองบังคับการตำรวจทางหลวงมีการแนะนำเส้นทางเลี่ยงต่างๆ ให้ประชาชนศึกษาเส้นทางก่อนเดินทาง โดยสามารถโทรสอบถามและแจ้งเหตุได้ที่หมายเลข 1193 หรือเข้าไปดาวน์โหลดได้ที่เว็บไซต์กองบังคับการตำรวจทางหลวง และเข้าไปชมวิดีโอ "ทางหลวงแนะนำเส้นทาง" บนเว็บไซต์ยูทูบ หรือขอรับแผ่นพับได้ที่จุดบริการตำรวจทางหลวง รวมทั้งสามารถสอบถามได้ทางไอดีไลน์"@highway1193"

 

หน่วยบริการทางหลวง จัดจุดพักผ่อนในบริเวณต่างๆ 196 แห่งทั่วประเทศ

สำหรับมาตรการในช่วง ปี 2559 ของตำรวจ ได้วางมาตรการก่อนถึงเทศกาล และหลังเทศกาล โดยก่อนเทศกาลมีการจัดทำแผนที่แนะนำเส้นทางทั้งจุดเสี่ยง ทางเลี่ยงต่างๆ มีการกวดขันวินัยการจราจร โดยเน้นในเรื่องการตรวจวัดความเมา การไม่สวมหมวกกันน็อก ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย รถที่ใช้ความเร็ว "ในการวิเคราะห์อุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่าเกิดขึ้นจากตัวบุคคลเอง หรือผู้ขับขี่ยานพาหนะที่ดื่มแอลกอฮอล์ อีกส่วนหนึ่งเกิดจากความง่วงอ่อนเพลียของผู้ขับขี่ยานพาหนะ จึงมีการจัดจุดพักผ่อนในบริเวณต่างๆ ในหน่วยบริการทางหลวง 196 แห่ง มีที่พัก ที่หลับนอน มีชา และกาแฟ เพื่อให้พักผ่อนก่อนที่จะเดินทางต่อไป" ผบก.ทล.กล่าว

 

พ.ต.อ. ลือชัย นนท์ปฎิมากุล ผู้กำกับการ 3 กองบังคับการตำรวจทางหลวง

ด้าน พ.ต.อ.ลือชัย นนท์ปฎิมากุล ผู้กำกับการ 3 กองบังคับการตำรวจทางหลวง กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ เริ่มตั้งแต่วันที่ 24 ธันวาคม 2558 ถึงวันที่ 4 มกราคม 2559 โดยเน้นเส้นทางที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ได้แก่ ช่องเขาตะโก จ.สระแก้ว และช่องเขาโทน จ.ปราจีนบุรี ที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง อีกทั้งเส้นทาง 304 และ 331 ที่มุ่งหน้าไปภาคอีสาน

อย่างไรก็ตาม จะเห็นได้ว่าเส้นทางที่สามารถหลีกเลี่ยงการจราจรที่ติดขัด และเส้นทางลัดต่างๆ มีอยู่หลายเส้นทางด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางไปยังภาคเหนือ ภาคอีสาน หรือภาคใต้ ก่อนการเดินทางอย่าลืมตรวจเช็กสภาพของรถยนต์ และศึกษาข้อมูลของเส้นทาง เพื่อให้ถึงที่หมายอย่างราบรื่น ปลอดภัย ที่สำคัญเมาอย่าขับ.

JOBBKK.COM © Copyright All Right Reserved

Jobbkk has only one website. In no case, we have an affiliate, agent or appointee. Please do not rely on any other website, email, telephone, SMS or other contacting channel. If it is a case, we will prosecute under a lawsuit in the upmost as allowed. DBD

Top