5 ขั้นตอนการปฐมนิเทศ สร้าง "ความประทับใจแรก" ให้กับพนง.ใหม่

  • 24 Jan 2025
  • 26241
หางาน,สมัครงาน,งาน,5 ขั้นตอนการปฐมนิเทศ สร้าง

 

ในบรรดางาน HR ที่กล่าวกันว่าจะสามารถสร้างคุณค่าให้กับพนักงานในองค์กรได้นั้น โดยทั่วไปก็จะพูดถึงงานด้านการฝึกอบรมพัฒนาบุคลากร (Human Resource Development) เสียเป็นด้านหลัก กระทั่งบางที (บางทีจริง ๆ นะ) เราก็ลืมไปว่า เมื่อเราสรรหาพนักงานเข้ามาร่วมงานแล้ว การปฐมนิเทศพนักงานใหม่ (New Employee Orientation) ก็เป็นอีกเรื่องที่ทีมสรรหาและทีมพัฒนาบุคลากรจะต้องให้ความสำคัญตั้งแต่แรก

เหตุที่กล่าวเช่นนี้ ก็เป็นเพราะอยากให้ HR รวมทั้งหัวหน้างานทั้งหลายมองว่า การปฐมนิเทศพนักงานใหม่นั้น ไม่ใช่เรื่องที่สิ้นเปลืองเวลา หรือทำให้พนักงานใหม่ต้องเสียเวลาในการทำงานไปเปล่า ๆ  หรือไม่ควรอย่างยิ่งที่จะมองว่า พนักงานใหม่ที่บางคนมีประสบการณ์มาจากองค์กรอื่นก็โตโตกันแล้ว ต้องรู้จักที่จะปรับตัวปรับตนเองให้ได้ และควรต้องลงมือทำงานได้เลย ซึ่งนั่นอาจจะส่งผลให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดีครับ

ผมเข้าใจนะว่า หลายองค์กรมีปัญหาเร่งรีบผลิตงานออกไป ไม่ว่าจะเพราะเหตุคนเก่าลาออก หรืองานงอกใหม่ หรือเหตุเพราะคนเก่าออกไปนาน หาแทนอย่างไรก็ไม่ได้ หรือเพราะเหตุคนเข้า ๆ ออกๆ แบบ Turnover นั้นสูงยิ่งก็ตาม จึงไม่ใคร่อยากให้พนักงานใหม่ต้องเสียเวลาแม้แต่เพียงเล็กน้อยไปกับการเข้าร่วมกิจกรรมปฐมนิเทศ  นัยว่าเสียเวลาการทำงานที่ยังคั่งค้างอยู่

แต่การที่คนใหม่เข้ามาอยู่บ้านใหม่ หากเขาไม่รู้ว่าบ้านหลังนี้เป็นอย่างไร เขาจะใช้ชีวิตกันแบบอึดอัดหรือเปล่า ? ดังนั้น โปรดอย่าละความสำคัญของงานปฐมนิเทศพนักงานใหม่ไปนะครับ

เพราะการปรับตัวปรับใจของพนักงานใหม่ จากที่ไร้ประสบการณ์ในองค์กรมาก่อน หรือจากการที่ต้องเปลี่ยนบ้านใหม่มาร่วมงานกับเรานั้นต้องใช้เวลา จึงต้องยอมใช้เวลาเสียหน่อยกับการปฐมนิเทศพนักงานใหม่ HR ต้องคุยกับเขาเสียหน่อยว่าอะไรและอย่างไรในองค์กรที่เขาควรต้องรู้

แม้จะไม่ไหวที่จะต้องใช้เวลากันยาวนานหลายวัน แต่เอาเป็นว่าเพียงวันหรือสองวัน ประกอบกับการสร้างช่องทางเรียนรู้อื่น เช่น ผ่านทาง Mobile Application ก็ไม่รบกวนเวลาหัวหน้างานมากเกินควรครับ

โจทย์ที่น่าสนใจจึงมีอยู่ว่า... 

จะปฐมนิเทศอย่างไรให้พนักงานใหม่เกิดความประทับใจในแบบที่เขาอยากบอกต่อให้คนอื่นๆ มาร่วมงาน ?

Accountemps องค์กรที่ปรึกษาด้านการสรรหาและคัดเลือกบุคลากร เคยเผยผลการสำรวจเกี่ยวกับการทำกิจกรรมปฐมนิเทศพนักงานใหม่ขององค์กรกลุ่มตัวอย่างในประเทศสหรัฐอเมริกาที่เคยทำเมื่อปี 2012 พบว่า ในกลุ่มตัวอย่างนั้นมีองค์กรถึงราว 1/3 ที่ไม่ได้จัดกิจกรรมปฐมนิเทศเพื่อเตรียมความพร้อมให้กับพนักงานใหม่อย่างเป็นทางการ และการมองข้ามการจัดกิจกรรมปฐมนิเทศไป ยังส่งผลเสียในบางประการที่ทำให้พนักงานใหม่รู้สึกว่าไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของทีมและขององค์กร ทั้งที่กลุ่มตัวอย่างสำรวจเองก็ยอมรับว่าจะช่วยให้พนักงานใหม่ได้เรียนรู้และเข้าใจองค์กรในเรื่องต่าง ๆ  เช่น เข้าใจคุณค่าและวัฒนธรรมองค์กร เกิดความรู้สึกเชื่อมโยงกับองค์กรที่เข้าร่วมงาน และโอกาสในการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมขององค์กร รวมทั้งอาจจะได้รับทราบถึงแนวปฏิบัติ ความคาดหวังในการทำงานทั้งในมิติของพฤติกรรมและผลงาน (Performance) ในบางประการ เช่น แนะนำวิธีการประเมินผลพนักงานไว้เสียตั้งแต่การปฐมนิเทศพนักงานใหม่

ทั้งที่รู้แต่ก็ไม่ทำนี่ล่ะครับ เป็นเรื่องที่น่าสนใจ

และที่น่าสนใจกว่านั้น คือ ผลสำรวจพบว่าราว 2/3 ขององค์กรขนาดเล็กหรือองค์กรที่มีจำนวนพนักงานระหว่าง 20-49 คน ดำเนินกิจกรรมปฐมนิเทศพนักงานใหม่กันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน ขณะที่องค์กรขนาดใหญ่ที่มีพนักงานมากกว่า 1,000 คนกลับมีเพียง 1/2 เท่านั้นที่ทำแบบนี้

Accountemps ยังกล่าวไว้ด้วยว่า หากนัก HR อยากจะบริหารกิจกรรมปฐมนิเทศ โดยมุ่งช่วยให้พนักงานใหม่ปรับตัวเข้ากับงานและองค์กรได้ดีและรวดเร็วขึ้น อาจจะทำตามคำแนะนำ 5 ข้อนี้ ซึ่งผมขอเสริมมุมมองบางประการให้ท่านได้นำไปทดลองใช้ เพื่อให้การปฐมนิเทศสร้างความประทับใจให้กับพนักงานใหม่จนต้องบอกต่อ ดังนี้ครับ

 

1.เทคแคร์พนักงานใหม่ให้น่าประทับใจ

หลายองค์กร เมื่อพนักงานใหม่เข้ามาก็ให้รอที่ห้องกรอกใบสมัคร หรือที่นั่งอื่นใดเพื่อรอปฐมนิเทศ ประหนึ่งว่าเขาเป็นผู้สมัครงาน (ลืมไปว่าพนักงานใหม่นี้เป็นพนักงานขององค์กรโดยสมบูรณ์แล้ว จึงไม่วายทำกับพนักงานใหม่เหมือนกับคนมาสมัครงาน) ซึ่งเป็นการต้อนรับที่ไม่อบอุ่นเอาเสียเลย เพราะ HR บางท่านก็แอบคิดว่า ตราบเท่าที่ยังไม่ถึงเวลาเข้าห้องปฐมนิเทศที่จัดไว้ ก็ยังไม่มีอะไรที่ต้องไปคุยกับพนักงานใหม่เหล่านี้

ผิดกับบางองค์กรที่ปลูกฝังเรื่องการสร้างความประทับใจให้น้องใหม่อย่างอบอุ่น ด้วยการที่พี่คนเก่านำดอกไม้มาให้น้องใหม่ทุกคนที่ก้าวเท้าเข้ามาในสำนักงาน เพื่อเป็นการต้อนรับ พร้อมรอยยิ้มซึ่งเป็นการทักทายที่ดึงดูดและแสดงออกอย่างชัดแจ้งให้น้องใหม่เห็นว่าองค์กรภาคภูมิใจที่ได้พวกเขามาร่วมงาน การเทคแคร์ “คนใหม่เหมือนกัน” ของสององค์กรที่ยกตัวอย่างมาเทียบนี้ ช่างแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ท่านว่าไหมครับ ?

 

2. กำหนดมาตรฐานของการต้อนรับน้องใหม่

องค์กรน่าจะได้ปลูกฝังและสื่อสารให้ตรงกันว่า การต้อนรับพนักงานใหม่ที่เราอุตสาหะเลือกเข้ามาร่วมงานด้วยนั้น เป็นเรื่องที่พนักงานทุกคนต้องช่วยกันดูแล ไม่ใช่เป็นหน้าที่ของ HR หรือหน้าที่ของหน่วยงานต้นสังกัดเพียงลำพัง อย่างน้อยที่สุดมาตรฐานของการพูดคุยกับคนใหม่หรือคนที่อาจจะไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนก็ควรจะเป็นการกล่าวทักทายง่าย ๆ การสอบถามว่าสังกัดหน่วยงานใด และช่วยให้พนักงานใหม่และคนเก่ามีความเป็นมิตรต่อกัน ผมยังเห็นว่า HR น่าจะต้องกำหนดให้ชัดว่า จะแนะนำพนักงานที่จะมาเริ่มงานใหม่ช่วงใด เช่น ก่อนหน้ามาเริ่มงานจริง 7 วันและหนึ่งวันก่อนวันปฐมนิเทศ  เพื่อให้คนทำงานแผนกต่าง ๆ ได้ทราบและเตรียมการต้อนรับพนักงานใหม่แบบไม่งงว่านี่ใครหรา !!!  โดยอาจจะส่งอีเมล์ภายในแนะนำพร้อมแนบรูปถ่ายและชื่อของพนักงานใหม่ เพื่อให้พนักงานเก่าคุ้นหน้า เวลาเจอจะได้ไม่เหวอ และหากจะทำให้น่าสนใจขึ้นด้วยการทำ artwork ก็ไม่เสียหายอะไรครับ

 

3.พยายามลดความตึงเครียดหรือความประหม่าของพนักงานใหม่

การเข้าไปทำงานกับองค์กรใหม่ที่ไม่คุ้นเคย เป็นเรื่องที่ต้องปรับตัวและปรับใจ กิจกรรมปฐมนิเทศนี้ จะช่วยให้คำตอบอะไรหลายอย่างกับพนักงานใหม่ที่อยากรู้อยากเห็นในสิ่งที่กังวลใจหลายเรื่อง  Accounttemps แนะนำว่า ในช่วงพนักงานใหม่ทดลองงาน HR ควรหาโอกาสกินข้าวเที่ยงร่วมกับพนักงานใหม่สักเดือนละครั้ง ซึ่งจะส่งผลให้พนักงานเหล่านี้อบอุ่นใจและกล้าพูดคุยปัญหาหลายเรื่องในหน่วยงานที่เขาอาจจะกำลังประสบอยู่ หรือในช่วงสัปดาห์แรก ๆ ของการทำงาน HR ควรมีบทบาทในการพาพนักงานใหม่ไปพบกับพนักงานเก่าทั้งหลายที่เขาต้องติดต่อประสานงานภายในขอบเขตหน้าที่รับผิดชอบของเขา พร้อมกับคอยสังเกตอยู่ใกล้ชิดว่า น้องใหม่เหล่านี้ต้องการความช่วยเหลือ คำแนะนำอะไรบ้างหรือไม่ อันเป็นบทบาทที่ HR ควรทำเสริมหัวหน้างาน

เรื่องนี้น่าสนใจครับ !

 

4.จัดทัวร์เพื่อพบปะพูดคุย 

เพื่อให้พนักงานใหม่ทราบโอกาสความก้าวหน้า นอกเหนือจากที่ HR และหัวหน้างานทั้งหลาย ควรช่วยกันฉายภาพด้วยการเล่าให้พนักงานใหม่ฟังว่า เขาจะถูกคาดหวังทั้งในแง่ผลงานและพฤติกรรมการทำงานจากองค์กรอย่างไรบ้างแล้ว ควรอย่างยิ่งที่จะขยายภาพให้พนักงานใหม่เห็นถึงนโยบายของการสร้างความเติบโตในหน้าที่การงานขององค์กร การเรียนรู้ในงานและบทบาทของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องที่จะช่วยสร้างทักษะประสบการณ์ทำงานที่เพียงพอ และการันตีว่าพนักงานใหม่จะได้รับการสนับสนุนเพื่อสร้างผลงานที่ดีได้ (ไม่ใช่ปล่อยให้ทำงานตามมีตามเกิด)

 

5.มีพี่เลี้ยงตามประกบ

หลายองค์กรชั้นนำในประเทศไทย มีการจัดให้มีพี่เลี้ยง (mentors) เพื่อคอยให้คำแนะนำทั้งเรื่องการใช้ชีวิตในองค์กรและสนับสนุนบทบาทของหัวหน้างานให้กับพนักงานใหม่ ในเรื่องการสอนงาน (shorten learning curve)  ซี่งอาจจะเป็นรุ่นพี่ในหน่วยงานเดียวกันหรือต่างหน่วยงาน (เพื่อคละประสบการณ์และสร้าง connection ระหว่างหน่วยงานในอนาคต)

 

ทดลองนำไปปรับใช้กับองค์กรของท่านดูนะครับ

 

รวมเรื่องราวน่ารู้ในงาน HR จากวิทยากรและที่ปรึกษาด้านการพัฒนาบุคลากร  ผู้ผ่านประสบการณ์งานบริหาร HR จากองค์กรในโรงงานอุตสาหกรรมและธุรกิจบริการ

สอบถามข้อมูลด้าน HR หรือแลกเปลี่ยนมุมมองได้ที่ 0-2514-7472 กด 6

หรือ E-mail : [email protected] (ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น)

 

Credit  :  อ.ชัชวาล อรวงศ์ศุภทัต  (Professional Training & Consultancy)

JOBBKK.COM © Copyright All Right Reserved

Jobbkk has only one website. In no case, we have an affiliate, agent or appointee. Please do not rely on any other website, email, telephone, SMS or other contacting channel. If it is a case, we will prosecute under a lawsuit in the upmost as allowed. DBD

Top