จากพีอาร์ ออแกไนซ์ สู่ล็อบบี้ยิสต์ เปิดบ้านอลัง ส่องชีวิตดี๊ดี! 'ไฮโซโอบอุ้ม' เธอคือใคร?

  • 11 พ.ค. 2563
  • 4715
หางาน,สมัครงาน,งาน,จากพีอาร์ ออแกไนซ์ สู่ล็อบบี้ยิสต์ เปิดบ้านอลัง ส่องชีวิตดี๊ดี! 'ไฮโซโอบอุ้ม' เธอคือใคร?

หลายคนอาจติดภาพเซเลบฯ-ไฮโซกับการเป็นเจ้าของธุรกิจแบรนด์เสื้อผ้า และแอคเซสเซอรี่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น รองเท้า กระเป๋า แว่นตา รวมทั้งต่างหูเก๋ๆ แต่รู้ไหมว่ายังมีอีกหนึ่งเซเลบฯ ที่เก่งไม่แพ้กันด้วยธุรกิจที่แตกต่างกับการเป็น 'ล็อบบี้ยิสต์' หรือนักเจรจาต่อรองธุรกิจในประเทศเมียนมา จนก้าวเข้ามาเป็นนักธุรกิจแถวหน้าในวัยเพียง 26 ปี ...

'โอบอุ้ม-รัสรินทร์ ชุมสาย ณ อยุธยา' ไฮโซสาวสวย เก่ง และมีโปรไฟล์สุดจะเพอร์เฟกต์ กับการจับธุรกิจโปรเจกต์ละ 10 ล้าน ที่ใครหลายคนต่างอิจฉา

ล่าสุด ไทยรัฐออนไลน์ ได้มีโอกาสเปิดบ้าน ส่องไลฟ์สไตล์ยามว่างของเธอ พร้อมพูดคุยแบบหมดเปลือกถึงเส้นทางการทำเงิน 'จากหลักแสนเป็นหลักสิบล้าน' ต้องบอกเลยว่า เรื่องราวของเธอนั้นน่าสนใจ และไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบสวยงามอย่างที่หลายคนคิดแน่นอน! 
 

'โอบอุ้ม-รัสรินทร์ ชุมสาย ณ อยุธยา' สาวเก่ง ขึ้นแท่นนักธุรกิจแถวหน้า !

พาร์ต 1 : นี่แหละตัวจริงของเธอ!

Q : อุ้มเป็นลูกคนสุดท้องรึเปล่า
ไม่คนสุดท้องนะ มีพี่น้อง 4 คน เราเป็นลูกคนที่ 3 มีพี่สาว 2 คน ชื่ออ้อนแอ้น กับอ้อมอก และมีน้องชาย 1 คน ชื่ออวบอ้วน เป็นครอบครัวตัว อ. เลย

Q : จบการศึกษาจากคณะอะไร สาขาไหน
ถ้าเป็นปริญญาตรี เราจบคณะนิเทศศาสตร์ สาขาประชาสัมพันธ์ มหา'ลัยกรุงเทพ ตอนนั้นได้เกียรตินิยมอันดับ 2 ด้วย (เกรด 3.55) แล้วก็มาต่อปริญญาโท คณะบริหารธุรกิจ มหา'ลัยกรุงเทพที่เดิม จำได้ว่าตอนนั้นจบมาด้วยเกรดเฉลี่ยประมาณ 3.67 ส่วนตอนนี้ก็กำลังศึกษาปริญญาเอก รัฐประศาสนศาสตร์ ที่มหา'ลัยกรุงเทพธนบุรี (หัวเราะ) คือที่เรียนมาไม่มีอะไรเหมือนกันเลยสักอย่าง เรียกได้ว่าคนละด้านกันเลย แต่เราก็ชอบนะ เหมือนตอนปริญญาตรีที่เราเลือกเรียนประชาสัมพันธ์ก็เพราะคุณแม่ทำงานด้านนี้ มันซึมซับมาตลอดเลยง่าย

 

การันตีความเก่งด้วยใบประกาศนียบัตร จากไทย และต่างประเทศ !

 

รางวัลชนะเลิศนางนพมาศ มหา'ลัย

Q : ที่บ้านจับธุรกิจอะไรอยู่บ้าง
เรื่องนี้เราไม่ค่อยรู้เลยนะ รู้แค่ตั้งแต่ต้นตระกูลที่บ้าน รุ่นคุณตา-คุณยาย ที่เขามีที่ดิน มีกินมีใช้ได้ทุกวันนี้ เพราะว่าเป็นเจ้าแรกในการทำดิกชันนารี ชื่อ 'เฉลิมนิจ' คือในจำนวนพี่น้องไม่มีใครยุ่งกับธุรกิจที่บ้านเลยจริงๆ

Q : คิดว่านิสัยส่วนตัวเป็นคนยังไง ไลฟ์สไตล์เวลาอยู่บ้านทำอะไรบ้าง
ง่ายๆ สบายๆ ห้าวๆ หน่อยมั้ง (หัวเราะ) ไม่ค่อยจะหวานเปรี้ยวมากเหมือนผู้หญิงทั่วไป เวลาอยู่บ้านเราก็จะนอนดูซีรีส์บ้าง การ์ตูนบ้าง เราค่อนข้างติดเลยล่ะเห็นแบบนี้ ไม่น่าเชื่อใช่ไหม? (หัวเราะได้ขี้เล่นสุดๆ เลย) อาจจะมีเข้ายิม เข้าสปาบ้าง แต่ถ้าออกไปข้างนอกก็คงเป็นเที่ยวต่างประเทศไปเลย ในทุกๆ ปีก็จะจัดทริปไปประเทศโน้น ประเทศนี้ เพราะเราเป็นคนชอบท่องเที่ยวรอบโลกอยู่แล้ว มันสนุกท้าทายดีนะ ถ้าจะจำกัดแค่อยู่ในประเทศไทย ก็คงจะเป็นทะเล เราชอบไปเที่ยวทะเลมาก หาร้านอาหารบรรยากาศดีๆ ไปนั่งทาน ดื่มไวน์ชิลๆ

 

เธอคนนี้ แซ่บเปรี้ยว ได้อีก ...

Q : อาชีพที่ใฝ่ฝันตอนเด็กๆ

คือนักธุรกิจ ส่วนตอนนี้อยากเป็นนักธุรกิจแถวหน้า

Q : ธุรกิจแรกที่จับคืออะไร ตอนอายุเท่าไร
ถ้าเป็นธุรกิจจริงๆ เลย คือธุรกิจขายครีมตอนเรียนมหา'ลัย ตอนนั้นเราก็ทดลองขายดู ปรากฏว่าขายดีมาก รายได้เข้ามาเป็นดับเบิ้ลเท่าตัวกับที่ลงทุนไปหลายเท่า แล้วตอนนั้นธุรกิจขายครีมมันยังไม่บูมขนาดนี้ ก็เลยทำให้รายได้ และผลตอบรับกลับมาถือว่าดีเกินคาด แต่ช่วงนั้นด้วยความที่เรายังเด็กอยู่มาก ลองผิดลองถูกไปเรื่อยๆ เราก็รู้สึกว่าตัวเองไม่ชอบธุรกิจอะไรแบบนี้ที่ต้องมานั่งทำโฆษณา ทำการตลาด คือใช่เรามีความรู้ เราสามารถทำได้ แต่จะดีกว่าไหม ถ้าเราเลือกทำธุรกิจอะไรที่มีคู่แข่งน้อยรายกว่า

 

ผิวสวยเนียน มีออร่าสุดๆ

พาร์ต 2 : เข้าสู่เส้นทางธุรกิจอย่างจริงจัง !

Q : หลังจากนั้นหันมาทำธุรกิจอะไรต่อ
ไม่ได้จับเป็นตัวธุรกิจแล้ว ตอนนั้นเราเริ่มหันมาทำออแกไนเซอร์ พีอาร์ด้านที่เราเรียนมา หลังจากจบธุรกิจขายครีมก็เปลี่ยนโหมดมาทำอีเวนต์ จัดงานออแกไนซ์เลย ที่บริษัท A2Z Events’ Experts ทำตั้งแต่เรียนอยู่ปริญญาตรี ปี 4 เลย ด้วยความที่มันคุ้นเคยตั้งแต่เด็กๆ ซึมซับมาจากคุณแม่ เพราะคุณแม่เคยทำพีอาร์ที่โรงแรมโอเรียลเต็ลมาก่อนประมาณ 10 ปี ท่านก็ให้คำแนะนำในเรื่องต่างๆ มีคุณแม่คอยปูพื้นฐานมาให้ มันก็เลยเป็นอะไรที่เข้าขั้นว่าเราทำได้ดี โอเคในระดับหนึ่งเลย

Q : แล้วเริ่มจับพลัดจับผลูกลับมาทำธุรกิจได้ยังไง
ถึงเราจะทำงานพีอาร์ได้ดีในระดับหนึ่ง โอเคเราชอบ เรารักอาชีพนี้นะ แต่มันเป็นงานที่ต้องทำตลอด บางงานมีทั้งงานเช้า-เย็น ต้องตื่นมาเตรียมความพร้อมตั้งแต่ตี 3 ตี 4 นอนไม่เป็นเวลา แล้วต้องทำงานหนักทั้งวัน เราก็เลยรู้สึกเหนื่อย ไหนจะดีลงานกับคนก็ยาก หลายขั้นตอน ควบคุมหลายอย่าง บางทีไม่ได้ดีลเฉพาะลูกค้า แต่เราต้องดีลกับสเตจ สถานที่จัดงาน พริตตี้ พิธีกร มันก็ค่อนข้างควบคุมลำบาก แต่ถ้าถามถึงรายได้ก็ดีเลยล่ะ โปรเจกต์หนึ่งประมาณหลักแสนได้ ทว่ามันไม่เท่ากับที่เราทำอยู่ปัจจุบันนี้ อีกอย่างงานพีอาร์-ออแกไนซ์ ถ้าเราหยุดทำ มันก็จะไม่มีรายได้ แล้วเราก็ยังมีลูกน้อง ค่าใช้จ่ายอื่นๆ อีก มันก็เลยค่อนข้างจะลำบากนิดหนึ่ง คู่แข่งก็มากรายด้วย ลูกค้าสามารถเลือกเจ้าอื่นที่ดีกว่าได้ มันก็เลยต้องมีการแข่งขันสูง

 

ชีวิตดี๊ ดี!

Q : ในฐานะที่คุณแม่ทำงานพีอาร์มาก่อน ท่านมีให้คำแนะนำยังไงบ้าง
คุณแม่อยากให้ทำต่อนะ แต่เราไม่ไหวแล้ว เหนื่อยมากจริงๆ ช่วงนั้นแอบโทรมนิดๆ ด้วยล่ะ ทว่าครอบครัวเราโชคดีอย่างนะ คือคุณแม่จะสอนให้ลูกๆ รู้จักคิดด้วยตัวเอง มีบ้างที่คุณแม่อยากให้เป็นแบบนั้นเป็นแบบนี้ตามประสาคุณแม่ทั่วไป แต่สุดท้ายแล้วเราจะเลือกอะไรก็เป็นสิทธิ์ของเรามากกว่า และคุณแม่ก็เคารพในการตัดสินใจของเราด้วย


Q : ตอนนั้นกลับมาทำธุรกิจอะไร คิดจะจริงจังเลยรึเปล่า
ตอนเราทำพีอาร์ ออแกไนซ์ เราก็จริงจังนะ แต่ด้วยอะไรหลายๆ อย่างที่ทำให้เราเหนื่อย และตอนนั้นมีโอกาสที่ดีกว่าเข้ามาพอดี เราก็เลยเลือกคว้ามันไว้ คืองาน'ล็อบบี้ยิสต์' หรือ 'นักเจรจาต่อรองธุรกิจ' อยู่ที่พม่า มันเป็นงานที่ไม่ได้สบายเท่างานอีเวนต์ แต่รายได้เยอะเป็นหลายๆ เท่าตัว โปรเจกต์หนึ่งก็ตกประมาณ 10 ล้านได้ หน้าที่หลักๆ ที่เราทำ ก็จะเป็นคนประสานงานระหว่างนักลงทุนกับฝั่งพม่า คือเป็นคนกลางให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนที่พม่า หาโลเกชั่นทำเลดีๆ ให้เขา เข้าไปสำรวจดูพื้นที่ มันมากกว่านายหน้าตรงที่เราสามารถออกใบอนุญาตได้ และเราจะช่วยในเรื่องการปรึกษาต่างๆ เช่น กฎหมายพม่า เราก็สามารถให้นักการเมืองพม่าคุยให้ได้ เพราะว่าเขาก็เป็นหนึ่งในกรรมการร่างกฎหมายพม่า และก็เป็นเหมือน BOI ที่สมมตินักลงทุนจะเช่าที่ดิน เพื่อโรงงานอุตสาหกรรม หรือการเพาะปลูก เขาก็จะเป็นคนทำเรื่องให้ทั้งหมด แล้วเป็นคนอนุมัติเองด้วย

 

'โอบอุ้ม-รัสรินทร์ ชุมสาย ณ อยุธยา' ล็อบบี้ยิสต์ โปรไฟล์เลิศ !

Q : อยู่ๆ กระโดดก้าวข้ามมาในวงการนี้ได้อย่างไร 
จริงๆ คือเพื่อนชวน และเราก็รู้จักกับนักการเมืองที่พม่า ส.ว. ทวาย อยู่แล้วด้วย เขาสนิทกับคุณแม่ของเพื่อนมาประมาณ 20 กว่าปี ซึ่งเขารวยติดท็อปเท็นประเทศ ค่อนข้างพาวเวอร์ฟูลมากในพม่าเลยทีเดียว ทีนี้เราก็เลยดิวธุรกิจกันก่อน เหมือนใครที่อยากเข้ามาลงทุนทำธุรกิจในพม่าก็ให้ติดต่อเรา แล้วเราก็จะเป็นตัวกลางพาเขาไปเจอนักการเมือง ดูลู่ทางการทำธุรกิจ พาไปเจอสถานที่จริงๆ ให้ผลตอบแทนมันวิน-วินกันทั้งสองฝ่าย ถ้าถามว่านักการเมืองที่พม่าจะโกงเราไหม ไว้ใจเขาได้มากน้อยแค่ไหน ก็อย่างที่บอกว่าเขารู้จักกันกับคุณแม่ของเพื่อนมานาน ฉะนั้นเขารักกันเหมือนครอบครัว การที่จะมาเล่นแง่ โกงกัน เบี้ยวกัน มันไม่เกิดขึ้นแน่นอน!

อีกอย่างนักการเมืองพม่าก็ต้องการให้บ้านเมืองเจริญ ประเทศพัฒนา และเปิดกว้างมากขึ้น ถ้ามีนักลงทุนเข้าไป มันก็จะทำให้ประชาชนมีรายได้ เศรษฐกิจดีขึ้น การเมือง ทุกอย่างมันดีขึ้นอยู่แล้ว คือมันก็วิน-วินนะ เขาไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่าแค่ช่วยเหลือประเทศให้ดีขึ้นเลย

 

'โอบอุ้ม-รัสรินทร์ ชุมสาย ณ อยุธยา' เซเลบฯ สาวสวย ว่าที่ดอกเตอร์ !

Q : ความยาก-กดดัน กับการก้าวข้ามมาวงการใหม่ที่ไม่คุ้นเคย
ไม่เลย เพราะเรามองทุกเรื่องเป็นความท้าทายมากกว่า เราสนุกกับการทำงานแบบนี้ที่ต้องออกไปแอดเวนเจอร์ข้างนอก มากกว่างานพีอาร์ที่ต้องอยู่แต่งานออฟฟิศซะอีก เราได้เที่ยวด้วย ได้พบเจอคนเยอะๆ ในระดับไฮ-โซไซตี้จริงๆ ธุรกิจตรงนี้มันทำให้เราโตขึ้นเยอะนะ เพราะเราได้รู้จักนักการเมือง ทหาร หรือนักธุรกิจใหญ่ๆ เยอะขึ้นมาก จากที่ตอนแรกไม่รู้ว่าต้องทำอะไร อย่างไรบ้าง ก็เหมือนตอนนี้เรามีความรู้-ศึกษาจนเราสามารถก้าวขึ้นมาอีกสเต็ป รู้ว่าเราจะต้องดีลงานอย่างไร วางแผนแต่ละขั้นตอนยังไงบ้าง เอาไปเสนอพรีเซนต์ลูกค้ายังไง ข้อมูลจะต้องเตรียมพร้อมครบถ้วน ไหนจะต้องเข้าไปสำรวจดูพื้นที่จริงๆ ก่อนพานักลงทุนไป เพื่อไม่ให้เวลาไปถึงแล้วดูเงอะงะ ไม่โปรเฟสชั่นแนล ไม่น่าเชื่อถือ ซึ่งอันนี้เป็นอะไรที่สำคัญมากนะ ในการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับนักลงทุนของเรา จนถึงตอนนี้เราก็รู้สึกประทับใจ เพราะไม่คิดว่าเด็กอายุอย่างเราจะมีผู้ใหญ่มาติดต่อขอคุยธุรกิจด้วยแบบจริงจัง

 

สายเดี่ยวเบาบาง เซ็กซี่ได้อีกอะตัวเธอ !

Q : อาชีพนี้ทำให้เราโตขึ้นจากงานพีอาร์-ออแกไนซ์ยังไงบ้าง
ได้ประสบการณ์ดีลงานกับคนใหญ่ๆ มากขึ้น เพราะเราเข้ามาทำในเรื่องของสัมปทานระดับใหญ่กับนักการเมือง คนในรัฐบาล มันทำให้เราต้องมีความรับผิดชอบ และรอบคอบในแต่ละขั้นตอนมากขึ้น แล้วงานมันแตกต่างกับงานพีอาร์อยู่แล้ว จากงานพีอาร์ที่นั่งอยู่แต่ออฟฟิศ ห้องแอร์เย็นๆ ในตึก พอมาทำงานนี้บางวันเราก็ต้องพานักลงทุนไปดูน้ำตกไว้ทำเป็นพลังงานน้ำ เราก็ต้องขึ้นเขาวันละลูก วันนี้ดูลูกนี้ พรุ่งนี้พาขึ้นไปดูอีกลูก งานเป็นอะไรที่ทรหดมาก หรือบางทีช่วงน้ำท่วม เราก็ต้องพานักลงทุนไปดู เพราะมันต้องดูทั้งหน้าฝน และหน้าร้อน เพื่อที่จะได้ดูปริมาณน้ำสำรอง พอหน้าฝนน้ำมันท่วมหมด เราก็ต้องพายเรือ นั่งกันประมาณ 3-4 ชม. เพื่อที่จะเข้าไปดูตัวเขื่อน ถ้าถามว่าคนที่สวยๆ ออกงานไฮโซ จะทำแบบเราได้ไหม คือมันก็เป็นเรื่องลำบากสำหรับเขานะ ทว่าสำหรับเรามันโอเค เราชอบ-ทำได้ เพราะเราก็เป็นคนลุยๆ อยู่แล้ว

 

หุ่นดีเว่อร์อะ !


Q : จนถึงตอนนี้จับมาทั้งหมด 2 ธุรกิจ
จริงๆ ยังมีอีกหนึ่งธุรกิจนะ เป็นธุรกิจส่วนตัว นอกจากธุรกิจขายครีม ทำพีอาร์-ออแกไนซ์ ผันตัวมาเป็นล็อบบี้ยิสต์ (ที่ไม่ใช่ธุรกิจส่วนตัว) ตอนนี้เราได้เปิดบริษัททำ Agriculture ระดับ Economic Scale เป็นของตัวเอง เป็นธุรกิจเกี่ยวกับการปลูกพืชพลังงาน เพื่อจำหน่ายให้กับบริษัทที่ทำงานทดแทน ซึ่งเราทำตำแหน่งเป็น Chief Executive Officer บริษัท สินธุ์จุฬานนท์ จำกัด

 

ว่างๆ ก็ฟิตเนส กระชับหุ่นสวย !

พาร์ต 3 : เจาะลึกงานล็อบบี้ยิสต์

Q : จนถึงตอนนี้ทำล็อบบี้ยิสต์มาประมาณกี่ปีแล้ว จับมาประมาณกี่โปรเจกต์
ทำมาประมาณ 3 ปีแล้วนะ ยังสนุกเหมือนเดิม ไม่เบื่อเลย แต่ตอนนี้เริ่มรับงานน้อยลงแล้ว เพราะหันมาให้เวลากับธุรกิจของตัวเองมากขึ้น จากที่ทำมาจนถึงตอนนี้ก็ประมาณ 2-3 โปรเจกต์ได้ โปรเจกต์ไหนที่คิดว่าดีลยากที่สุด ? ก็คงเป็นโปรเจกต์ที่เราทำอยู่ปัจจุบันนี่แหละ กว่าจะผ่านมาได้ยาวนานมาก เราคุยมาหลายบริษัทมากเลยนะ เพราะว่ามีคนจะเช่าที่เพื่อปลูกเองแต่มันก็ควบคุมลำบาก ถ้าถามในประเทศไทยก็ยังไม่มีใครที่ทำในรูปแบบอุตสาหกรรมใหญ่ขนาดนี้ ทำเพื่อส่งออกแบบเยอะๆ จะมีก็แค่ดับเบิ้ลเอ แต่นั่นเขาปลูกเพื่อให้กับโรงงานของเขาเอง

Q : เงินก้อนแรกที่ได้ประมาณเท่าไร จากโปรเจกต์ไหน
เริ่มแรกได้ปีละไม่กี่แสนเอง ตอนนั้นเหมือนนักลงทุนเช่าที่เป็นเอเคอร์มากกว่า ก็มัดจำ 3 ปี เราก็ได้ก่อน แล้วก็ได้ทุก 3 ปีไปเรื่อยๆ

Q : ของขวัญชิ้นแรกที่ซื้อให้ตัวเอง
ปอร์เช่ คาร์เรร่า เอส ประมาณ 12-13 ล้าน

"จริงๆ รายได้อาชีพพีอาร์-ออแกไนเซอร์ก็ดีนะ ประมาณหลักแสนได้ แต่บางทีมันก็เหนื่อยเพราะงานที่ไม่เป็นเวลาเหมือนกัน แถมรายได้มันสู้ล็อบบี้ยิสต์ที่ทำอยู่ตอนนี้ไม่ได้ จับโปรเจกต์หนึ่งก็ประมาณ 10 ล้าน !" สาวสวยเสน่ห์ล้นยิ้มนิดๆ และพูดคุยกับเราด้วยท่าทีเป็นกันเองสุดๆ เมื่อถามถึงอาชีพทำเงินของเธอ

 

ถ่ายกับปอร์เช่คู่ใจ ราคาเบาๆ แค่ 13 ล้าน !

 

พร้อมจะซิ่งกันรึยังคะ ?!

Q : คุณสมบัติในการเป็นล็อบบี้ยิสต์/นักเจรจาต่อรองธุรกิจ
1. ต้องทันคนนิดหนึ่ง 2. คอนเน็กชั่นต้องดี อันนี้สำคัญมากเลย ถ้าไม่มีก็จบ เพราะคุณจะไม่รู้จักใคร และไม่รู้จะเริ่มต้นจากไหน สุดท้าย 3. คุณจะต้องมีความรู้ในสายงานที่ทำ ต้องมีข้อมูลความรู้อยู่ในหัวพอสมควร เวลาใครถามอะไร คุณจะได้อธิบาย-ตอบได้แบบมืออาชีพ น่าเชื่อถือ

Q : พูดถึงความน่าสนใจในพม่าที่นักลงทุนควรมาลงทุนหน่อย
ตอนที่เราทำมันเพิ่งเปิด AEC เลย ฉะนั้นแล้ว นักลงทุนมักจะกลัวในเรื่องของเสถียรภาพทางการเมือง และความมั่นคงทางเศรษฐกิจ แต่เราจะบอกว่า พวกทรัพยากรธรรมชาติมันมีเหลืออยู่เยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นเหมือง ปูน ถ่านหิน ยิปซั่ม เหล็ก นิกเกิล หรือทอง ซึ่งในประเทศไทยมันจะหมดแล้ว หรือแม้แต่การเกษตร ที่ดิน ยังมีราคาถูกมาก มีให้นักลงทุนเช่าในราคาถูกๆ หรือจะเป็นด้านประมง กุ้งล็อบสเตอร์ อาหารทะเลต่างๆ ยังมีเยอะมาก และราคาก็ถูกมากเช่นกัน ดังนั้น เราเรียกว่ามันเป็นโอกาสของนักลงทุนมากกว่านะ ที่จะทำให้นักลงทุนสามารถกอบโกยรายได้จากตรงนี้ รวมถึงส่วนเพิ่มขยายของธุรกิจ

 

เล่นพูลเวลาเบื่อๆ

Q : ส่วนมากนักลงทุนจะเข้ามาลงทุนเกี่ยวกับอะไร
เรามาในสายพลังงาน เพราะฉะนั้นเราจะดีลงานอะไรที่มันเกี่ยวกับรัฐบาลเลย นักลงทุนบางคนสนใจเหมืองก็เข้ามาดูเหมือง บางคนสนใจเขื่อนก็ดูเขื่อน แล้วแต่นักธุรกิจคนไหนถนัดแบบไหน ด้านไหนเลย เราจะไม่คุยกับเอกชน ถ้าเข้ามาลงทุนแบบขายครีม ขายกาแฟ ก็ต้องไปเจ้าอื่นเลย เพราะมันไม่ใช่สายงานของเราจริงๆ

Q : คู่แข่งทางธุรกิจเยอะไหม
ถ้าไม่นับกับธุรกิจเอกชนที่เราไม่ได้ยุ่ง ถือว่าเรามีคู่แข่งน้อยรายมาก แถวบ้านนี่คือเรียกผูกขาดแล้ว เพราะว่านักการเมือง ส.ว. ทวาย ที่เรารู้จักเหมือนให้เรากับเพื่อนมาเป็นคนคุย-คนดีลทั้งหมด ไม่ว่าใครจะเป็นไทย หรือต่างชาติ ถ้าอยากจะเข้ามาลงทุนธุรกิจที่นี่ก็ต้องคุยผ่านเรากับเพื่อนเท่านั้น

 

มาแข่งกันหน่อยไหมล่ะ ?!

Q : แบบนี้ก็ไม่ต้องดึงนักลงทุนจากคู่แข่งเลย
ไม่ต้องดึงเลย ถ้าเอาจริงๆ แล้ว มีนักการเมืองมาคุยกับเราหลายคนมากเลยนะ ว่าเขาเคยไปคุยกับเจ้าอื่นมาแล้วมันก็ติดปัญหาโน่นนี่นั่น พอมาคุยกับเราก็เหมือนเราพาไปเจอนักการเมืองจริงๆ เลย เราสามารถทำอะไรได้จริงๆ และเขาสามารถเห็นได้ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลการตอบคำถามทุกอย่าง คือมีข้อมูลอยู่ในหัวพร้อม และพาร์ตเนอร์เราก็เก่งมาก อีกทั้งในเรื่องของเอกสารเราก็มีพร้อม มีใบอนุญาต มีเปเปอร์ให้ดูพร้อมทุกอย่าง เขาก็เลยค่อนข้างเชื่อถือ และไว้ใจเราในระดับหนึ่ง

Q : ความยากในการเจรจาธุรกิจ มีวิธีซื้อใจนักลงทุนยังไงบ้าง
ถ้าให้พูดตอนนี้จะว่ายากก็ยาก จะว่าง่ายก็ง่ายนะ เพราะว่าการที่นักลงทุนจะเข้าไปลงทุน คือเขารู้ว่ามันต้องมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงอยู่แล้ว ถ้าเกิดว่าคนทั่วไปจะมาแบบลองเข้าไปดูหน่อยดีกว่า เขาก็คงจะไม่ยอมเสียเงินเยอะขนาดนี้เพื่อเข้าไปดู ทว่านี่นักลงทุนที่เข้าไปดู เขาได้ตัดสินใจที่จะซื้อแล้ว ซึ่งเราก็แค่ทำดีลอะไรต่างๆ ให้ลงทุน เอาวิชาออแกไนเซอร์มาใช้บ้าง

 

เห็นเปรี้ยวๆ แบบนี้ แต่ลงทุกหลุมนะจ๊ะ !

Q : งานล็อบบี้ยิสต์ไม่ใช่ทุกคนที่จะทำได้ ถ้าใครอยากทำอาชีพนี้จริงๆ ต้องเริ่มจากตรงไหน
ยอมรับนะ มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเข้ามาถึงจุดๆ นี้ได้ มันต้องมองดูก่อนว่าโอกาสของเรามีไหมมากกว่า แล้วก็ต้องรู้จักคนจริงๆ ที่มีอิทธิพล หรือสามารถพัฒนาประเทศนั้นจริงๆ (คอนเน็กชั่นสำคัญมาก) แต่อันนี้ต้องใช้สายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นยาวนานนะ ความสนิทสนม รู้จักนิสัยที่แท้จริงของเขา และมิตรภาพเป็นสิ่งสำคัญที่สุด!

Q : สิ่งสำคัญสำหรับคนทำอาชีพนี้ต้องมีอะไรบ้าง
ความน่าเชื่อถือ เครดิตต่างๆ ความซื่อสัตย์ต้องมาก่อน จริงใจกับทุกฝ่าย และหาผลประโยชน์ให้กับทุกคนอย่างเท่าเทียม คืออาชีพนี้ถ้ามีคนไปพูดถึงเราในทางที่ไม่ดี เช่นว่า เราโมเม ไม่จริงหรอก อุ๊บอิ๊บบ้าง เราก็เสียทันที-เชื่อถือไม่ได้ ฉะนั้นมันต้องมีเครดิตดี เขาจะได้ไปพูดต่อว่า เราของจริงนะ! แล้วเขาก็จะแนะนำเราต่อๆ กันไป

 

บอกได้คำเดียว แซ่บ !

พาร์ต 4 : เปิดใจโปรเจกต์ล่าสุด … ปลูกพืชพลังงาน !

"เราอยากทำธุรกิจส่วนตัวอะไรสักอย่างที่เป็นของเราเอง และเรามาในสายพลังงาน ลุยหาทำเลดีๆ ในพม่าให้นักลงทุนมาก็ตั้งเยอะ เราก็เลยลองเปิดโปรเจกต์ของตัวเองในการปลูกพืชพลังงาน ระดับ Economic Scale ส่งออกที่พม่าดู ในชื่อบริษัท สินธุ์จุฬานนท์ จำกัด"

Q : ทำไมถึงสนใจด้านพลังงาน
เรามองว่าการแข่งขันมันน้อย ถึงมันจะยาก แต่เชื่อเถอะอะไรที่ยากมันจะดีกว่า เพราะนั่นแปลว่ายิ่งยากเท่าไร คู่แข่งที่จะเข้ามาประกอบธุรกิจนี้ก็น้อยลง ทำไมถึงเป็นที่พม่า ? ที่เราทำมันต้องใช้ที่ดินจำนวนมาก-หลายหมื่นไร่ ฉะนั้นแล้วที่ดินในประเทศไทย เราตัดออกไปได้เลย อีกอย่างคนไทยก็แทบจะทำอะไรแบบนี้ได้น้อยมากถ้าไม่ใช่ในระดับท็อปประเทศจริงๆ ถึงขนาดท็อปประเทศเองเขาก็ไม่อยากทำนะ เพราะว่ามันเสียเวลาค่อนข้างเยอะในการที่จะทำ R&D เพราะว่าเราทำพัฒนาสายพันธุ์จนมันสามารถที่จะทำประโยชน์ได้หลายๆ อย่าง

 

หุ่นเธอเซ็กซี่ขยี้ใจสุดๆ

Q : วางแผนนานไหม ยังไงบ้างก่อนเริ่มทำโปรเจกต์
นานมากกก... เพราะตอนแรกเราไม่รู้เลยจะทำอย่างไร เราก็อาศัยศึกษาจากบริษัทต่างๆ ที่เคยเข้ามาทว่าเขายังไม่พร้อมลงทุน เข้ามาช่วยคำนวณในเรื่องของคอร์สต่างๆ ให้คำปรึกษาเรื่องเครื่องจักรต้องใช้อะไรบ้าง กรรมวิธีในการปลูก แล้วก็ไม่ใช่กับแค่บริษัทที่เราจะคุย เรายังได้ไปคุยกับดอกเตอร์/ผู้เชี่ยวชาญด้านพันธุศาสตร์หลายทางมาก มีไปคุยกับพวกองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ คนที่เคยปลูก (ในที่ดิน) ขนาดใหญ่มา เราดีลงานกับหลายฝ่ายมากกว่าเราจะทำมันมาจนถึงทุกวันนี้ได้

Q : เริ่มแรกได้ไปปรึกษาใครก่อนแล้วบ้าง 
คือประเทศไทยมันมีอยู่ไม่กี่เจ้า แล้วหญ้าพันธุ์ที่เราทำเป็นหญ้าจากเยอรมัน ซึ่งคนที่นำเข้ามาเจ้าแรกเป็นคนที่จะเข้ามาลงทุนในตอนแรก เราก็เลยได้ศึกษาจากเขามาในระดับหนึ่ง ทีนี้พอเรารู้ว่าหญ้าตอนนี้มันมีความต้องการของตลาดมากขนาดไหน เราก็เลยหาคนที่เขาสนใจจริงๆ โดยผ่านนักธุรกิจอีกคนหนึ่ง เขาก็แนะนำกับบริษัทใหญ่ให้ในไทย พอเข้าไปคุยดูเขาก็สนใจมาก แล้วก็เหมือนกับทดลองแปลงที่เราปลูกในไทย เอาไปทดลองหาค่าพลังงาน ซึ่งได้ค่าพลังงานเท่ากับถ่านหินเลย คือมันเยอะมากนะ จากนั้นเราก็เลยเริ่มไปคุยกับดอกเตอร์ต่างๆ มากขึ้น ก็จะมีดอกเตอร์ที่โคราชเหมือนกับเพาะพันธุ์ ขยายพันธุ์ แปลงสายพันธุ์มาในระดับหนึ่งแล้ว พอเราไปคุยกับเขา เราก็ไปซื้อพันธุ์หญ้าของเขามาแล้วก็เริ่มปลูก ผ่านไปสักพัก เราก็ไปคุยกับอุตสาหกรรมป่าไม้ในเรื่องของการเพาะระดับใหญ่ ระดับอุตสาหกรรม มันจะเป็นสเต็ปๆ ไป แล้วเราก็ไปคุยกับนักพันธุศาสตร์เกี่ยวกับการแปลงสายพันธุ์ต่อให้เป็นสายพันธุ์ที่ให้ค่าพลังงานสูงสุด คือเราไปคุย-ไปดีลเยอะมากจริงๆ

 

ตัวจริงเป็นคนลุยๆ และเฮลตี้มากนะเออ ...

Q : พาร์ตเนอร์ที่ช่วยทำธุรกิจ
เรามีพาร์ตเนอร์หลักๆ คนเดียวที่จะไปอยู่ทุกๆ งาน แต่งานเพาะพันธุ์หญ้าตอนนี้ มีทั้งหมด 4 คน ก็แล้วแต่โปรเจกต์เลยนะ บางโปรเจกต์เราอาจจะมีนักธุรกิจไทยคนหนึ่ง มีเรา มีพาร์ตเนอร์เรา แล้วก็มีนักการเมืองพม่าด้วยได้

Q : ปัญหาอุปสรรคระหว่างการเพาะพันธุ์
มีเยอะมากเลย เพราะมันไม่ได้ทำง่ายๆ ในไทย จริงๆ มันแทบจะปลูกไม่ได้ด้วยซ้ำ หรือปลูกได้แต่มันต้องใช้เวลาเยอะมาก ปัญหาเริ่มแรกก็คือ เราทำแปลงเพาะพันธุ์ในไทย แล้วเราก็ศึกษาไว้แล้วว่า ต้นไหนที่ขึ้นได้ดี ต้นไหนตาย มันเป็นเพราะอะไร คือเราลงไปเพาะปลูกเอง ปักชำเองเลย พอเรารู้ปัจจัยอะไรต่างๆ แล้วก็เอาไปปลูก มันก็ขึ้น-เพาะพันธุ์ได้ดี เรื่องการปลูกไม่มีปัญหาเลย แต่ว่าที่เราต้องการ คือชิพแรก ส่วนที่เป็นไผ่ก่อนที่จะเป็นหญ้า เพราะว่าพม่าเป็นป่าไผ่ เราก็เลยจะชิพไผ่เข้ามา แต่ปรากฏว่าเข้าประเทศไทยไม่ได้ เพราะติดกฎหมายระหว่างประเทศ เขาคิดว่าไผ่ชิพเป็นไม้แปรรูป ฉะนั้นห้ามนำเข้าประเทศ ซึ่งเราก็เลยต้องไปคุยกับกระทรวง กรมป่าไม้ กระทรวงพาณิชย์ ดีลกับหลายกระทรวงมาก แล้วทำใบยื่นแจ้งไป จนตอนนี้กฎหมายก็ตีออกมาว่าอนุญาตให้เข้าได้ คือมันมีหลายสเต็ปขั้นตอนมาก ต้องคอยมาแก้ทีละเรื่องๆ

 

น้องหมาสุดรักสุดหวง !

Q : ประสบการณ์ที่ได้จากการทำงานสายนี้
เรามีการลองผิดลองถูกมาตั้งเยอะ ได้รู้จักคนระดับบิ๊กๆ มากมาย ทำให้รู้ว่ายังมีอะไรแปลกๆ อีกเยอะ คือกว่าจะทำงานจนมีรายได้ต้องใช้เวลาศึกษานานมาก รวมถึงอาจารย์ที่มาเป็นที่ปรึกษาของโครงการ เขาก็ได้ศึกษาเรื่องนี้มาเป็น 10 ปี ต้องบอกว่ายากมากจริงๆ ประเทศไทยเคยมีนโยบายให้มาทดลอง และก็ปลูก สุดท้ายก็ตายกันเพียบเลย-ไม่สำเร็จ แต่นี่คือ เรามีแปลงที่ปลูกขึ้นแล้ว เป็นหญ้าสูง 3 เมตรเลย เราประทับใจนะ แล้วต่อไปก็จะมีคนมาติดต่อขอซื้อเรื่อยๆ เราก็รู้สึกแบบ 3 หมื่อเอเคอร์จะพอไหม เริ่มเครียดแทนเลย (หัวเราะ) เราเป็นคนเริ่มปลูกมันเอง เพราะว่าดีมานด์ในตลาดมันสูงมาก แต่เราซัพพลายไม่พอ เพราะแค่ต่อโรงงานหนึ่งมันก็เต็มพื้นที่แล้ว

 

ตัวจริงขี้เล่นไม่เบาเลย ...

สุดท้ายเธอบอกกับเราว่า การทำงานไม่ว่าอะไรก็แล้วแต่ควรต้องมีคติประจำใจอย่างน้อยสัก 1-2 ข้อ ดั่งเช่นเธอที่ยึดคติ 'ซื่อสัตย์ ขยัน อดทน' มาเป็นกรอบวางในการทำงาน และเหนือสิ่งอื่นใดทั้งหมดคุณจะต้องทำในสิ่งที่รัก-สิ่งที่ชอบจริงๆ เพราะนั่นจะทำให้ผลงานคุณออกมาดี คุณจะรู้สึกสนุกที่ได้ทำ และภูมิใจไปกับมัน อีกทั้งเสมือนเป็นแรงผลักดันให้คุณก้าวไปข้างหน้า พัฒนาตัวเองอย่างไม่สิ้นสุด…!

 

ติดตามได้ที่อินสตาแกรม : https://instagram.com/obeoom/

หางานตามสาขาอาชีพ

JOBBKK.COM © สงวนลิขสิทธิ์ All Right Reserved

jobbkk มีเพียงเว็บเดียวเท่านั้น ไม่มีเว็บเครือข่าย โปรดอย่าหลงเชื่อผู้แอบอ้าง และหากผู้ใดแอบอ้าง ไม่ว่าทาง Email, โทรศัพท์, SMS หรือทางใดก็ตาม จะถูกดำเนินคดีตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด DBD

Top