ผู้สมัครงาน
เรียกหนูมาสัมภาษณ์ทำไมอ่ะ ? ถ้าจะปฏิเสธกันด้วยเหตุที่ว่า “น้องไม่มีประสบการณ์” !!?
แล้วเด็กจบใหม่ จะมีอะไรไปสู้ คนมีประสบการณ์ ? ต่อให้งานนั้นระบุว่า ยินดีพิจารณาเด็กจบใหม่ แต่ถ้าต้องแข่งกับคนมีประสบการณ์ โอกาสก็น้อยอยู่ดี !!
น้องสู้ได้ครับ อยู่ที่ว่า น้องสู้รึยัง ? ถ้าสู้แล้ว สู้เต็มที่ขนาดไหน ? แม้หลายบริษัทมักเลือกคนมีประสบการณ์ แต่ถ้ามีแล้วมาหางานพอกินเงินเดือนไปวัน ๆ ไม่มี Passion ไม่อัปเดตความรู้ ก็คงไม่สู้น้องจบใหม่ ที่เพิ่งผ่านการอัปเดตความรู้มาไม่นาน แล้วสามารถแสดงออกให้เห็นว่า “อยาก” และ “พร้อม” นำความรู้ที่มีออกมา “สร้างงาน” ให้มีศักยภาพมากขึ้น (ย้ำว่ามากขึ้น) ได้ ใคร ๆ ก็ต้องการครับ
Key สำคัญที่จะทำให้ชนะ ต้องแสดงความ “อยาก” และ “พร้อม” ให้เห็นทั้งในเรซูเม่และการสัมภาษณ์งาน โดยหลักสำคัญ มีดังนี้ครับ
การเขียนเรซูเม่ ...
1. ถ้า “อยาก” หางานจริง ๆ จงให้ความสำคัญกับข้อมูลในเรซูเม่ทุกส่วน ต้องครบ ถูกต้อง ไม่ใช้ภาษาวิบัติ โดยเฉพาะหน้าแรก (ข้อมูลส่วนตัว + รูปถ่ายปัจจุบันที่สุภาพ เห็นหน้าชัด) สำคัญต่อการสร้าง First Impression ถ้าส่วนนี้พัง ก็เสี่ยงโดนปัดตกทันทีครับ
2. ถ้า “พร้อม” ทำงานจริง ๆ จงโชว์ความสามารถออกมาให้ชัดทั้ง Hard Skills (ทักษะทางเทคนิคเฉพาะ) และ Soft Skills (ทักษะการทำงานร่วมกับผู้อื่นหรือความฉลาดทางอารมณ์)
แนะนำว่า ก่อนจะเขียนข้อมูลทักษะความสามารถ (Hard Skills) ควรเริ่มจากการค้นหางานที่ใช่ก่อน นั่นคือ งานที่ระบุ “รับเด็กจบใหม่” แล้วอ่านในประกาศทั้งหมด เมื่อเห็นว่า ทักษะที่เขาต้องการ เช่น ทักษะการใช้เครื่องมือ / โปรแกรมต่าง ๆ น้องทำได้ใช้เป็น ก็เขียนลงในเรซูเม่ให้ตรงตามนั้นเลยครับ แต่ต้องยืนยันด้วยว่า น้องมีทักษะนี้จริง นั่นคือ “ประสบการณ์” ห้ามเว้นไว้เด็ดขาด ส่วนนี้จะแสดงได้ชัดเจนที่สุดว่าน้อง “พร้อม” จริง น้องต้องนำข้อมูลการฝึกงานหรือการรับงานพิเศษมาเขียนเป็นข้อ ๆ เลย ทำหน้าที่อะไรบ้าง , ได้ใช้เครื่องมือ/โปรแกรมใดในการทำงานบ้าง
ส่วน Soft Skills เขาระบุในประกาศอยู่แล้ว ว่าต้องการคนแบบไหน เช่น ทำงานเป็นทีมได้มี ,มีภาวะผู้นำ ฯลฯ ก็ต้องนำไปใส่ในเรซูเม่ด้วย ทั้งส่วนที่ตรงและใกล้เคียง แต่ต้องยืนยันเช่นกัน ว่าน้องมีคุณสมบัตินี้จริง เช่น การร่วมกิจกรรมชมรม ในมหาวิทยาลัย ในฐานะประธาน ,หัวหน้า หรืออื่น ๆ
ต่อด้วย การสัมภาษณ์งาน ...
1. ถ้า “อยาก” ได้งานจริง จงโชว์ Passion ออกมาให้เห็นตั้งแต่การแนะนำตัวเลย เอาแต่เนื้อ น้ำไม่ต้องนะครับ คนสัมภาษณ์อยากรู้แค่ว่า น้องอยากทำงานตำแหน่งนั้นมากแค่ไหน (มี Passion นั่นแหละ) เริ่มเล่าในช่วงที่น้องสนใจในสายงานนี้ แล้วมันเป็นเหตุให้น้องเลือกทำอะไรบ้าง เพื่อให้ได้อยู่ในสายนี้ จนมาสมัครงานที่นี่
2. ถ้า “พร้อม” ทำงานที่นี่ อย่างมีศักยภาพจริง จงศึกษาทำความรู้จักกับบริษัทที่ไปสัมภาษณ์ให้มากที่สุด และต้องตอบให้ได้ว่า น้องจะเข้ามาร่วมพัฒนาบริษัทด้วยตำแหน่งงานที่สมัครได้อย่างไร ?
เช่น สมัครตำแหน่ง การตลาดออนไลน์ ก็ต้องทำการบ้านล่วงหน้า ว่าตอนนี้บริษัทมีการทำการตลาดออนไลน์เป็นยังไง ? มีช่องทางไหนบ้าง ? แต่ละช่องทางดียังไง? ไม่ดียังไง? แล้วควรพัฒนายังไงให้ดีขึ้น ?
หรือตำแหน่ง โปรแกรมเมอร์ ก็ต้องเข้าไปดูระบบการทำงานของเว็บไซต์บริษัท ตอนนี้เป็นยังไง ? อะไรบ้างที่เห็นว่า ควรปรับปรุงเพื่อพัฒนาให้ดีขึ้น ?
ทุกบริษัทล้วนต้องการคนเข้ามาพัฒนางานให้ดีขึ้นทั้งนั้น ผู้สมัครจึงต้องพร้อมเข้ามาสร้างผลงานที่มีศักยภาพมากขึ้น ตามที่กล่าวข้างต้นเลยครับ
ถ้าเลือกส่งเรซูเม่มาจนถึงขั้นรับนัดสัมภาษณ์กับบริษัทแล้ว ยังไม่รู้จักเลย บริษัทนั้นทำธุรกิจอะไร ? ตำแหน่งที่สมัครต้องทำอะไร ก็ไม่รู้สักนิด? แบบนี้ย่อมแปลว่า ไม่อยาก และไม่พร้อม อย่าว่าแต่เด็กจบใหม่เลย ต่อให้มีประสบการณ์ ก็โดนปฏิเสธเช่นกันครับ
มีโอกาสได้งานทันที เพียงสมัครเรซูเม่วันนี้ ฟรี คลิก >> https://jobbkk.com/go/jWldX
หางานด่วน เปิดรับกว่า 153,168 อัตรา คลิก >> https://jobbkk.com/go/YtvVO
หางานตามสาขาอาชีพ
JOBBKK.COM © สงวนลิขสิทธิ์ All Right Reserved
jobbkk มีเพียงเว็บเดียวเท่านั้น ไม่มีเว็บเครือข่าย โปรดอย่าหลงเชื่อผู้แอบอ้าง และหากผู้ใดแอบอ้าง ไม่ว่าทาง Email, โทรศัพท์, SMS หรือทางใดก็ตาม จะถูกดำเนินคดีตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด