ส่องกล้องมองความพร้อม 4 ยอดทีม ก่อนตะบันศึกคิงส์คัพ ครั้งที่ 43

  • 11 พ.ค. 2563
  • 1089
หางาน,สมัครงาน,งาน,ส่องกล้องมองความพร้อม 4 ยอดทีม ก่อนตะบันศึกคิงส์คัพ ครั้งที่ 43

เหลืออีกไม่กี่วัน ศึกลูกหนังเก่าแก่และยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศ จะกลับมาระเบิดความสนุกตื่นเต้นกันอีกครั้ง สำหรับการแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 43 โดยในปีนี้ จ.นครราชสีมา รับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพ โดยใช้สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา เป็นสังเวียนจัดการแข่งขัน พร้อมส่งเทียบเชิญทีมอีก 3 ทีมแกร่ง เข้าร่วมการแข่งขันระหว่างวันที่ 1-7 กุมภาพันธ์นี้...
 

 

หลังจากว่างเว้นไปในปี 2557 เนื่องจากโปรแกรมที่อัดแน่นจนกระดิกตัวไม่ได้ ของทั้งฟุตบอลลีกในประเทศ และโปรแกรมแข่งขันของทีมชาติ ทำให้ในปีนี้ ความโหยหาของแฟนบอลย่อมสูงขึ้นเป็นธรรมดา โดยเฉพาะความนิยมที่พุ่งกระฉูดของขุนพลช้างศึกหนุ่ม ที่ทวงคืนความสำเร็จเป็นครั้งแรกในรอบ 12 ปี และเป็นการครองความยิ่งใหญ่แบบเบ็ดเสร็จทั้งซีเกมส์ และเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ โดยเฉพาะรายการหลัง ทำเอาสนามบินดอนเมืองเล็กไปถนัดตา เพราะแฟนบอลหน้าเก่า หน้าใหม่ ไปต้อนรับฮีโร่กลับบ้านอย่างอบอุ่น 

ดังนั้น ก่อนที่ศึกฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 43 จะกลับมาระเบิดแข้งกันอีกครั้ง เราจะไปเจาะขุมกำลังของทุกทีม รวมทั้งโอกาสความน่าจะเป็นสำหรับแชมป์ในการแข่งขันครั้งนี้
 

โค้ชซิโก้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง

ทีมชาติฮอนดูรัส ยู-20

ถ้าพูดถึง ฮอนดูรัส แน่นอนว่า ชื่ออาจจะไม่ค่อยคุ้นหูสำหรับแฟนบอลไทยเท่าที่ควร แต่ทีมอันดับ 72 ของโลก จากการจัดอันดับโดยฟีฟ่า ทำผลงานได้อย่างโดดเด่นในระดับนานาชาติได้ดีไม่น้อย สามารถผ่านเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก มาได้สองสมัยติดต่อกันในปี 2010 และ 2014 ถึงแม้ว่า ในครั้งนี้จะส่งเพียงทีมเยาวชน ชุดอายุไม่เกิน 20 ปี มาแข่งขัน แต่ในเรื่องฝีเท้า เป็นสิ่งประมาทไม่ได้แม้แต่เสี้ยววินาที เพราะสามารถผ่านเข้าไปเล่นในรอบสุดท้ายศึกฟุตบอลโลก ยู-20 รอบสุดท้ายที่ประเทศนิวซีแลนด์ ได้สำเร็จ ในช่วงเดือน พฤษภาคม-มิถุนายน ที่จะถึงนี้ เป็นการการันตีฝีเท้าได้โดยไม่ต้องอธิบายใดๆ ทั้งสิ้น

สำหรับดาวดังที่คาดว่า กุนซือใหญ่ จอร์จ ฆิเมเนซ จะนำขบวนแข้งยังเติร์กมาโชว์ฝีเท้าในครั้งนี้ น่าจะนำทัพโดย อัลเบิร์ต เอลิส และจูเนียร์ ลาคาโญ่ สองกองหน้าอนาคตไกล นอกจากนี้ ยังมีเสริมด้วยสองตัวเก่งที่ถูกเรียกมาติดทีมในครั้งนี้เป็นกรณีพิเศษอย่าง หลุยส์ โลเปซ นายทวารดาวรุ่งวัย 21 ปี และ เควิน เอสปิโนซา เพลย์เมกเกอร์ ที่หลายทีมในยุโรปกำลังจับตามอง 

โดย ทีมชาติฮอนดูรัส ชุดอายุไม่เกิน 20 ปี จะประเดิมการแข่งขันคิงส์คัพ ครั้งแรกในประวัติศาสตร์พบกับทีมชาติไทยในนัดแรก ถึงแม้ว่ามีการตีตั๋วผ่านเข้าไปเล่นในศึกฟุตบอลเยาวชนโลกแล้ว แต่สำหรับครั้งนี้โอกาสในการคว้าแชมป์คงไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะหลายทีมต่างเตรียมตัวมาดีด้วยกันทั้งสิ้น รวมถึงกระดูกชิ้นโตอย่างทีมชาติไทย ในฐานะเจ้าภาพที่จะพบกันในนัดแรก ดังนั้น เป้าหมายของ ฮอนดูรัส น่าจะอยู่ที่การเก็บเกี่ยวประสบการณ์มากกว่า

***********************


ทีมชาติอุซเบกิซสถาน ยู 23

พลพรรคอุซเบกิซสถาน ขึ้นชื่ออยู่แล้วในเรื่องของความเก่งกาจในทวีปเอเชีย เพราะหากมองแบบผ่านๆ พวกเขาก็คือยุโรปดีๆ นี่เอง ด้วยความได้เปรียบเรื่องรูปร่าง และการรวมตัวกันมาอย่างยาวนาน ทำให้ในครั้งนี้ ทีมชุดความหวัง ที่ต้องการไปโชว์ฝีเท้าในศึกโอลิมปิกรอบสุดท้ายในปีหน้าที่บราซิล คงเป็นทีมที่มองข้ามไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง แม้จะมีอายุเฉลี่ยเพียงแค่ 22 ปี ก็ตาม

ด้านความพร้อมของนักเตะ ถึงแม้จะยังไม่มีการแบโผผู้เล่นอย่างเป็นทางการ แต่คาดว่าจะเห็นส่วนผสมที่ลงตัว ของผู้เล่นเยาวชนชุดผ่านเข้าไปเล่นในศึกฟุตบอลโลก อายุไม่เกิน 20 ปี ที่นิวซีแลนด์ในช่วงกลางปีนี้ เช่นเดียวกันกับ ฮอนดูรัส เพราะทีมชุดดังกล่าวต่างอุดมไปด้วยดีกรี เนื่องจากเป็นชุดที่ได้แชมป์เยาวชน 16 ปี ชิงแชมป์เอเชีย และรวมตัวกันมาอย่างต่อเนื่อง จนคว้าตั๋วไปลุยฟุตบอลโลกเยาวชนได้ทั้งชุด 17 ปี และ 20 ปี ตามลำดับ บวกกับเหล่านักเตะที่โชว์ฟอร์มดีในลีกที่จะเตรียมมาสร้างสีสันในการแข่งขันได้เป็นอย่างดี

สำหรับโอกาสความน่าจะเป็นสำหรับทีมอุซเบกิสถานในการแข่งขันครั้งนี้ ค่อนข้างมีสูงที่จะเบียดแย่งแชมป์กับทีมชาติไทยและเกาหลีใต้ เนื่องจากมาตรฐานที่ค่อนข้างสูงและชั่วโมงบินในเกมระดับชาติ ที่สำคัญคือรูปร่างที่ได้เปรียบคู่แข่ง ทำให้อาจจะต้องลุ้นกันในนัดสุดท้ายเลยก็เป็นไปได้

***********************

 

ทีมชาติเกาหลีใต้ ยู 23

ถ้าไม่นับนักร้องเคป๊อป ก็คงมีแต่ทีมฟุตบอลเท่านั้นที่เป็นสิ่งที่คนไทยโดยส่วนใหญ่คุ้นเคยกันเป็นอย่างดี และพลพรรค "ฮันกุ๊ก" ทีมชุดนี้ถูกเตรียมตัวกันมาอย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะการก้าวขึ้นมาคว้าเหรียญทองในการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ ที่อินชอน ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา ซึ่งเชื่อว่าแฟนบอลไทยน่าจะจำกันได้เป็นอย่างดี แต่ผลงานการอุ่นเครื่องกับทีมในไทยลีกอย่างโอสถสภาฯ และการท่าเรือ กลับไม่สวยหรูอย่างที่หลายคนคาด เพราะแพ้ทั้งสองนัด แต่ถ้ามองให้ดีเชื่อว่านี่น่าจะเป็นการเก็บอาวุธเด็ดเอาไว้โดยไม่แพร่งพรายให้กับสื่อไทยได้ล่วงรู้ ซึ่งอาจจะพูดได้ว่าทีมโสมขาว "กั๊ก" หรือ "ไม่ปล่อยของ" ก็คงจะไม่ผิดนัก

ด้านตัวผู้เล่น ชุดนี้นำโดย เฮดโค้ชลี กวาง จอง ที่เคยพาทีมชาติบ้านเกิดคว่ำไทยมาด้วยสกอร์ 2-0 ในรอบตัดเชือก อินชอน เกมส์ ที่ผ่านมา และเป็นทีมแรกที่แบโผผู้เล่นอย่างเป็นทางการ โดยเฉพาะแท็กติกคงเดากันออกได้ไม่ยาก เพราะหนีบเอากองหน้ามาเพียงแค่สองรายเท่านั้น คือ คิม จิน ฮุก จากแดกู เอฟซี และคิม ฮุน จากเจ จู ยูไนเต็ด ขณะที่คัดเอากองกลางมามากถึง 9 คน ด้วยกัน โดยเฉพาะมูน ชางจิน และ กวาง ซาง วู สองดาวรุ่งจาก โปฮัง สตีลเลอร์ 

ส่วนโอกาสความน่าจะเป็นในการหยิบแชมป์กลับไปอีกครั้ง หลังจากที่ ฮอง เมียง โบ ตำนานเดินได้ของเกาหลีใต้ เคยทำได้เมื่อการแข่งขัน ครั้งที่ 41 เมื่อปี 2555 โดยทีมชุดนั้นสามารถก้าวไปได้ไกลด้วยการคว้าเหรียญทองแดงในโอลิมปิก 2012 ลอนดอนเกมส์ ด้วย และที่สำคัญคือการที่ต้องโคจรมาเจอกับไทยในนัดสุดท้าย ซึ่งความน่าสนใจอยู่ที่ การล้างตาจากเอเชียน เกมส์ ที่ไทยพ่ายไปแบบค้านสายตาในรอบรองชนะเลิศ ซึ่งนี่น่าจะเป็นโอกาสอันดีที่ขุนพลช้างศึก และโสมขาว จะได้มีโอกาสทบทวนความแข็งแกร่งรวมทั้งฝีเท้ากันอีกครั้ง

***********************

แข้งช้างศึกจะได้ฉลองแชมป์คิงส์คัพ หรือไม่


ทีมชาติไทย

ในฐานะเจ้าภาพที่ว่างเว้นจากการเป็นแชมป์มานานถึง 8 ปี โดยในครั้งสุดท้าย คว้าแชมป์ในปี 2550 โดยที่ผู้เล่นในชุดดังกล่าวปัจจุบันอายุอยู่ในวัยใกล้บั้นปลายการค้าแข้งแทบจะทั้งนั้น แต่ในครั้งนี้เหล่าบรรดาขุนพลช้างศึกทีมชาติไทยแตกต่างไปโดยสิ้นเชิง เพราะมีแต่นักเตะหนุ่มที่พร้อมจะลงไปเล่นแบบถวายหัวให้กับกุนซือที่เคารพรัก อย่าง "ซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง โดยยึดแกนหลักจากชุดแชมป์ซีเกมส์ที่พม่า เรื่อยมาจนถึงแชมป์ ซูซูกิ คัพ เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา

ด้านตัวผู้เล่น ชุดนี้เชื่อขนมกินได้ในหลายตำแหน่ง ไล่ตั้งแต่ผู้รักษาประตูไปจนถึงกองหน้าถึงตัวสำรองข้างสนาม นำทีมโดย กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ จะเป็นการพิสูจน์ตัวของ มิก้า ชูนวลศรี กองหลังก้ามปู ที่ได้รับแรงเชียร์จากแฟนบอลในการติดทีมชาติมาอย่างต่อเนื่อง ด้านกองกลางถึงแม้ว่าพระเอกของงานอย่างชาริล ชัปปุยส์ จะบาดเจ็บจนต้องถอนตัวออกไป แต่ก็ยังมี 2 มิดฟิลด์ตัวกลั่นที่กลับมาติดทีมชาติใหม่อีกคำรบ ทั้ง "ป๊กโกะ" ปกเกล้า อนันต์ และ "เจ้านิว" ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ ซึ่งเป็นจอมเทคนิคด้วยกันทั้งคู่ และในการแข่งขันครั้งนี้เราอาจจะได้เห็นลูกยิงไกลสวยๆ กัน หลายลูก เพราะเป็นทีเด็ดของทั้งคู่ โดยเฉพาะฐิติพันธ์ ที่เป็นของแสลงสำหรับเกาหลีใต้ สามารถยิงประตูทีมโสมขาวได้ทุกนัด ส่วนกองหน้า อดิศักดิ์ ไกรสร น่าจะได้ยืนเป็นหน้าเป้า ล่าตาข่ายให้กับทีมชาติไทยในทุกๆ นัดอย่างแน่นอน ส่วน "เมสซี่เจ" ชนาธิป สรงกระสินธุ์ ตัวทีเด็ดจอมพลิ้ว น่าจะมีชื่อลงตัวจริงทุกนัด ถ้าไม่มีอาการเจ็บรบกวน

สำหรับโอกาสความน่าจะเป็นในครั้งนี้ พูดได้เต็มปากว่าทีมชาติไทยมีลุ้นคว้าแชมป์มากกว่าในครั้งที่ผ่านมา ทั้งนี้ ไม่ใช่เพราะทีมคู่แข่งส่งเยาวชนมาร่วมแข่งขัน แต่เป็นเพราะทีมเวิร์ก และการเตรียมทีมอย่างต่อเนื่อง รวมถึงรูปแบบการเล่นที่ไฉไล ดูดีมีอนาคต ซึ่งจะสามารถต่อกรกับคู่แข่งได้ไม่ยาก โดยเฉพาะในนัดสุดท้ายที่หากทั้งไทยและเกาหลีใต้ไม่สะดุดขาตัวเองแพ้ก่อนในสองนัดแรก ก็น่าจะเป็นเหมือนนัดชิงชนะเลิศกลายๆ ในการแย่งแชมป์ของทั้งคู่ก็เป็นได้ 

"เมสซี่เจ" ชนาธิป สรงกระสินธุ์ (ขวา) ตัวทีเด็ดของทีมไทย

***********************

 

ย้ำกันอีกครั้งว่าสำหรับใครที่ไม่สะดวกเข้าไปชมเกมในสนาม ไทยรัฐทีวี ดิจิตอลทีวีช่อง 32 และ 42 ถ่ายทอดสดการแข่งขันให้ชมกันถึงบ้าน พร้อมด้วยกราฟิกที่ทันสมัยระดับโลก และความคมชัดในระบบฟูล เอชดี ที่จะทำให้ผู้ชมทางบ้านได้สัมผัสกับบรรยากาศและอารมณ์เดียวกันกับผู้ชมในสนาม รวมถึงบทวิเคราะห์วิจารณ์ระหว่างเกมในทุกคู่ 6 นัดตลอดการแข่งขัน

 


โปรแกรมการแข่งขัน

วันอาทิตย์ที่ 1 กุมภาพันธ์

16.00 น. เกาหลีใต้ พบ อุซเบกิสถาน

19.00 น. ไทย พบ ฮอนดูรัส

วันพุธที่ 4 กุมภาพันธ์  

16.00 น.  ฮอนดูรัส พบ เกาหลีใต้

19.00 น. อุซเบกิสถาน พบ ไทย

วันเสาร์ที่ 7 กุมภาพันธ์

16.00 น. อุซเบกิสถาน พบ ฮอนดูรัส

19.00 น.  ไทย พบ เกาหลีใต้

หางานตามสาขาอาชีพ

JOBBKK.COM © สงวนลิขสิทธิ์ All Right Reserved

jobbkk มีเพียงเว็บเดียวเท่านั้น ไม่มีเว็บเครือข่าย โปรดอย่าหลงเชื่อผู้แอบอ้าง และหากผู้ใดแอบอ้าง ไม่ว่าทาง Email, โทรศัพท์, SMS หรือทางใดก็ตาม จะถูกดำเนินคดีตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด DBD

Top